SERENA17 { ภารกิจแม่ทัพ I }- เรียนรู้ประสบการณ์จากแม่ทัพ5
เจสันนั่งมองเซเรน่าที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับการออกมานอกค่ายครั้งแรกนับแต่ไปถึงกรุงโรมใหม่ ก่อนลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเรือเทียบท่า “ถึงแล้ว เราไปรับเบทาเนียกัน”
“รับทราบค่ะ แล้วถ้าออกไปนอกเรือแล้วพวกมนุษย์ธรรมดาจะมองเห็นเบทาเนียหรือเปล่าคะเนี่ย” เซเรน่าเดินตามเจสันไปที่คอกม้าบนเรือด้วยท่าทางที่ดูร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อเธอเห็นเบทาเนียที่อยู่ในคอกเซเรน่าก็รีบตรงไปไปหามันทันที ก่อนจะเอ่ยพูดออกมาเป็นเสียงสองแบบที่ใช้พูดกับสัตว์ “เบทาเนียจ๋า มารับแล้วน้าา”
“พวกเขาจะมองเห็นเป็นตามสิ่งที่สายตาพวกเขาจะสามารถเข้าใจได้น่ะ อาจจะเห็นเป็นเครื่องบินหรือฮอ” เจสันกล่าวอธิบายเซเรน่า “ในโลกนี้นอกจากพวกเราแล้วและจอมขมังเวทย์ มนุษย์จะถูกมนต์บังตาบดบังเพื่อไม่ให้พวกเขาหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่ในโลกก็มีมนุษย์บางคนที่มองทะลุมนต์บังตาได้ พวกเขาถูกเรียกว่า หมอผี คนทรงเจ้า ผู้พยากรณ์” เจสันเดินเข้าไปลูบศีรษะเบทาเนียช่วยจูงอีกฝ่ายออกมาเดินลงจากเรือไปพร้อมกับเซเรน่า
“แอบสงสัยนิดเลยล่ะค่ะว่าตอนนี้คนอื่นจะเห็นเบทาเนียเป็นอะไร” เด็กสาวกล่าวพลางหัวเราะออกมาเบาๆ และเริ่มจินตนาการภาพในหัวของเบทาเนียในสายตาของมนุษย์ธรรมดา
“ในกรณีนั้นพวกเขาอาจจะเห็นเบทาเนียเป็นม้าหรือมอเตอร์ไซค์ ซึ่งผมจูงเธออยู่แต่พวกมนุษย์อาจจะเห็นผมกำลังเข็นมอเตอร์ไซค์….” เจสันพูดบอกอีกฝ่ายก่อนจะหันไปเจออะไรดีๆ เข้าเลยลองเอ่ยปากถามอีกฝ่าย “เซเรน่าอยากจะมองภายใต้ขีดจำกัดมนต์บังตาไหม” เจสันบอกอีกฝ่ายพลางชี้ไปยังเขตนอกท่าเรือที่ทหารโรมันกำลังสู้กับก็อบลิน
“หืม?...ทำแบบนั้นได้ด้วยหรอคะ” เธอเริ่มรู้สึกนิดๆก่อนจะหันไปตามทิศทางที่เจสันชี้ไป ใบหน้าแสดงออกถึงความงงแบบขั้นสุด “ทหารกับตัวเอ่อ...ก็อบลิน? มันเกี่ยวกับการที่หนูจะมองภายใต้ขีดจำกัดมนต์บังตายังไง”
“นี่เป็นแว่นของฟีรอส บุตรแห่งคาร์เมนต้า สร้างขึ้นเทคโนโลยีชิ้นเดียวที่จะมองภายใต้สายตามนุษย์ แต่พวกเรามักใช้สวมใส่น้อยครั้ง เพราะมันค่อนข้างอันตราย เราไม่รู้เลยว่าจะถูกจู่โจมเมื่อไหร่” เจสันยิ้มก่อนหยิบแว่นตาอันนึงออกมายื่นให้อีกฝ่ายยืมใส่
“แต่ตอนนี้อยู่กับท่าแม่ทัพคงไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็ใส่แค่แปปเดียวก็พอแล้วค่ะ” เซเรน่ารับแว่นมาสวมก่อนจะกระพริบตาปริบๆมองภาพตรงหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงแล้วอดจะอุทานออกมาไม่ได้ แล้วไหงก็อบลินมันถึงกลายเป็นตำรวจได้เนี่ย??
“บางครั้งมนุษย์จะมองเห็นอสูรกายบางตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้อสูรกายจะจู่โจมเรา แต่หลายครั้งมนุษย์จะมองเห็นเราเป็นฝ่ายทำร้ายเขา โดยเฉพาะสิ่งที่น่ากลัวคือการที่อสูรกายบางตัวถูกมนุษย์มองเป็นตำรวจ แม้เขาจะจู่โจมเราแต่ทุกคนจะคิดว่าเราเป็นคนร้าย ทำให้ต้องหนีหลังจัดการอสูรกายตนนั้น”
“เหมือนบทบาทมันจะสลับกันหรือเปล่าคะเนี่ย” เซเรน่าเลิกคิ้วโดนจู่โจมก่อนแท้ๆแต่ดันโดนมองเป็นคนแล้วแทนเนี่ยนะ เป็นงงเลยค่ะนะจุดนี้ “แล้วแบบนี้จะไม่มีตำรวจ.. หมายถึงตำรวจจริงๆมาตามจับเราอีกก็แย่เลยสิคะเนี่ย”
“เราต้องหนีน่ะ แต่พอเวลาผ่านไปสักพักพวกตำรวจก็จะลืมเรื่องนี้ไป ไม่รู้เป็นเพราะผลมนต์บังตาทำให้พวกเขาลืมหรือเหล่าเทพช่วยเหลือให้พวกเขาลืม” เจสันกล่าวบอกเซเรน่าก่อนจะลูบเบทาเนียขึ้นขี่บนหลัง และยื่นมือให้เซเรน่า “ไปกันครับ เราจะไปเนชั่ลแนลซิตี้ น่าจะมีความว่องไวกว่ารถหรือเครื่องบิน”
"ค่ะ!" เซเรน่ามองมือที่ถูกยื่นมาเบื้องหน้าก่อนจะเอื้อมไปจับเพื่อขึ้นไปบนหลังของเบทาเนีย
“จับแน่นๆ นะ จะออกแล้ว” เจสันกล่าวแจ้งเซเรน่าก่อนจะขยับขาและมือบังเหียนคุมเบทาเนียทะยานสู่ท้องฟ้า “ไปเนชั่ลแนลซิตี้กันเบทาเนีย”
เซเรน่าที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังพอเห็นเบทาเนียที่เริ่มกางปีก เด็กสาวยกมือขึ้นไปเกาะเอวแน่นเจสันทันทีอย่างไร้ความเขินอายเพราะเธอกลัวตายมากกว่า ตกไปรับรองศพไม่สวยแน่!!
เบทาเนียทะยานสู่น่านฟ้า ปีกกระพือพัดราวกับนกบินพุ่งไปด้วยความเร็วมุ่งหน้าสู่ทางเนชั่ลแนลซิตี้ ก่อนพาบินเหิรฟ้าพลางหมุนเคว้งตัวทำให้ผู้ขี่บนหลังห้อยศีรษะลงชั่วครู่หนึ่งก่อนหมุนกลับมาบินปกติ
“ฮี้ๆ” เบทาเนียส่งเสียงบอกทั้งสองก่อนบินเลียบภูเขาระหว่างเมืองมุ่งหน้าสู่เนชั่ลแนลซิตี้ พลางมีเด็กโผล่หัวจากกระจกรถโบกมือทักทาย “ป๋อ แม่ พี่ชายพี่สาวขี่ม้าเพกาซัสด้วยครับ”
“ลูกไม่เห็นมีอะไรเลย” พ่อแม่มองตามเด็กก่อนส่ายศีรษะขับรถต่อไป คงคิดว่าลูกมีจินตนาการ
เจสันโบกมือกลับน้องชายตัวน้อยที่ทักทายพวกเขา ก่อนพูดโต้ลมบอกเซเรน่า “ดูเหมือนเขาจะมองทะลุมนต์บังตานะ อาจจะเป็นกึ่งเทพหรือเด็กบางคนมักมีจินตนาการกว้างไกล ไม่แปลกที่พวกเขาจะเห็น จินตนาการเด็กๆ บางคนมีความพิเศษ แต่พอโตขึ้นก็จะเป็นไม่ต่างกับคนอื่น”
"ง..งั้นหรอคะ" เซเรน่าที่ผมเผ้าพันกันไปหมดดึงสติหลังจากที่เบทาเบียบินหมุนเคว้งจนทำเอาใจเธอตกไปอยู่ตาตุ่ม เสียงเธอจึงสั่นอย่างที่เห็น
"เบทาเนียอย่าพึ่งผาดโผนมากได้ไหม ฉันยังไม่ชินน " เซเรน่าเอ่ยเสียงอ่อนแกมขอร้องเพกาซัสสาวสองมือก็โอบกระชับเอวของเจสันแน่นขึ้น ส่วนลำตัวก็เบียดจนแนบชิบกับแผ่นหลังของเจสันอย่างแนบแน่นด้วยความที่จะกลัวตก แต่ถึงจะแอบกลัว กระนั้นมันก็ยังมีรู้สึกตื่นเต้นอยู่ด้วย
“ฮี้ๆ” เบทาเนียส่งเสียงบอกทั้งสองในขณะกำลังบิน
“เบทาเนียบอกว่าให้วางใจเธอได้ เธอเป็นม้าที่บินเก่งไม่แพ้เพกาซัสตัวอื่นเลย” เจสันกล่าวบอกเซเรน่าพลางกระซับบังเหียนเปลี่ยนทิศเลี้ยวตามป้าย
“โอเค.. ฉันจะพยามเชื่อเธอแล้วกันนะ” เซเรน่าหัวเราะเสียงตอนนี้เธออยู่บนหลังของเบทาเนียซึ่งเธอก็ทำได้อย่างเดียวคือต้องไว้ใจมันเท่านั้น
|