แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Ufemia ❈ เมื่อ 2021-3-4 01:15
Crazy Nighi with Maverlyn Villa Part | 1 ใครฆ่าท่านประธาน !?
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างที่จะอธิบายได้ยาก.. ตั้งแต่ถูกเรียกเร่งด่วนแบบไม่มีการบอกล่วงหน้า หรือแม้แต่การที่โดนบอกให้ไปซื้อของที่ชีวิตนี้จะไม่มีทางเอาเข้าบ้านมาชิ้นนึง พร้อมการให้บัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงินเพื่อไปซื้อของที่ว่า และในตอนนี้ยังต้องมาเจอกับการถูกพาไปที่ไหนก็ไม่รู้ โดยเจ้านายที่คาดเดาอะไรไม่ได้ ยูเฟเมียทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วยความเร็วยิ่งกว่าทบทวนความรู้ของตัวเองเพื่อทำข้อสอบซะอีก..
หญิงสาวตัวเล็กโอบกอดกล่องของของขวัญตัวเองเอาไว้ มันค่อนข้างเป็นของที่บอบบาง ขนาดไม่ได้ใหญ่จนเทอะทะ แต่ก็ไม่ได้เล็กจนเกินไป ดังนั้นการที่เธอจะนั่งกอดมันมาตลอดทางจึงไม่ใช่ปัญหา นัยน์ตาสีดำสนิทเหลือบมองเจ้านายตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เอาจริงๆคือรอให้พี่แกเปิดปากบอกว่านี่มันเรื่องอะไรอยู่ แต่ก็ดูจะไม่ยอมบอกสักที
รู้งี้ยอมโดนหักโบนัสแล้วนอนในห้องต่อไปดีกว่า.. สองข้างทางนอกหน้าต่างไม่ได้ช่วยปัดเป่าความกังวลให้หายไปเลย มิหนำซ้ำยังเหมือนจะทำให้เริ่มวิตกมากกว่าเดิมด้วย กลางเมืองใหญ่แบบนี้ ทำไมอยู่ๆทุกอย่างถึงไม่มีคน ? เงียบสงบจนเหมือนมีแค่รถเราที่แล่นผ่านถนนเส้นนี้ ? คือ .. ยูเฟเมียก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองส่งงานครบทุกอย่าง ถึงจะมีเลทบ้าง ต้องแก้บ้าง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ แต่คือว่าการพามาแบบนี้ตั้งใจจะเอามาทิ้งรึเปล่าคะบอส ?? หรืออยากจะจับไปเป็นแรงงานนรก !?
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่พอเจ้านายของตัวเองเป็นผู้ชายที่ชื่อว่า แมคเจลเลน อลัน แมฟเวอร์ลินช์ เข็มทิศความคิดของเธอก็ไม่เคยปัดไปในทิศดีๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว .. หลังจากที่อยู่เงียบๆมานาน สุดท้ายก็หลุดปากพูดไปแบบไม่คิดอยู่ดี “ ตั้งใจพาฉันมาปล่อยป่ารึเปล่าคะบอส.. ”
“ฉันไม่ทำอะไรที่โหดร้ายขนาดนั้นหรอก…” เจ้านายผู้ใจเย็นยังคงยกยิ้มส่งให้หญิงสาวรูปแบบชวนหนาวจับใจมากกว่าทรงสเน่ห์ ไม่รู้ว่าในสมองแม่คุณคิดอะไรอยู่แต่สีหน้าเลิ่กลั่กนี้แทบจะตะโกนบอกถึงความอึดอัดใจ ชายหนุ่มจงใจปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนช้าๆ เชิ้ตที่เขาสวมอยู่ดูผ่อนคลายขึ้น ปล่อยรถแล่นไปตามระบบนำทาง ทิ้งจังหวะแล้วพูดอย่างจริงจัง “ในป่าแถบนี้มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อ่อนแอไม่มีกำลังพอปกป้องตัวเองตั้งมากมาย เกิดปล่อยให้สาวพลังแกร่งอย่างเธอเข้าไปอีกคน.. คงเปลี่ยนจุดยอดของห่วงโซ่อาหารแน่ แย่ๆ ระบบนิเวศได้พังกันพอดี…”
“ อ๋อหรอคะ… ” ไม่มีคำว่าเก็บอาการ สายตาสงสัยผสมโรงด้วยสีหน้าที่ดูจะไม่เชื่ออย่างชัดเจนหันไปทางเจ้านายซึ่งเป็นผู้พูด อย่างน้อยตัดทิ้งประเด็นการถูกโยนลงจากรถไปใช้ชีวิตในป่าได้ แต่นอกจากนั้นก็ยังไม่มีการบอกมาอยู่ดีว่าลากดิฉันมาในครั้งนี้เพื่ออะไร .. แค่บอกว่ามาทำอะไรมันเป็นเรื่องยากสำหรับซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่นักเรอะ !!!
“ ถ้างั้นช่วยบอกให้วางใจสักนิดได้ไหมคะว่าพาฉันมาทำอะไรกันแน่ ” สายตาเลื่อนออกไปมองนอกหน้าต่าง ทุกอย่างค่อนข้างน่าแปลกใจ สภาพแวดล้อมเงียบสงบ ไร้รถสวนทาง ระยะเวลาที่เธอออกมาจากห่างมันก็นานพอจะออกนอกเมืองได้ แต่ต่อให้เป็นนอกเมืองอย่างน้อยๆก็สมควรจะมีรถขับสวนสักสองสามคัน แต่การที่มันไม่มีเลยแบบนี้ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าแปลกใจ จะว่าไปแล้ววันนี้เธอใช้คำว่าน่าแปลกใจไปกับทุกๆสิ่ง ใช้จนเหมือนว่าอนาคตจะไม่มีโอกาสได้ใช้ เลยใช้ให้มันหมดๆไปตั้งแต่วันนี้
“เลี้ยงข้าวเธอไง คิดเสียว่าเป็นโบนัสนอกเวลางานก็ได้ หึหึ” ขืนบอกง่ายๆ คงหมดสนุก รถคันหรูแล่นเข้าเส้นทางลัดแมคเจลเลนถอดแว่นกรองแสงออกเมื่อถึงจุดสแกนม่านตา ระบบเทคโนโลยีของตระกูลเขาเหนือล้ำไปไกลจนสามารถใช้รังสีตรวจจับได้จากระยะไกล ดังนั้นเพื่อไม่ให้สนามที่เต็มไปด้วยระเบิดแสวงเครื่องทำงาน DNA ของเขาเป็นกุญแจสำคัญ
ไม่รอให้อึดอัดนานนักเมื่อภาพของเนินเขาขนาดย่อมๆ ปรากฎขึ้น เผยให้ผู้มาเยือนได้เห็นสระขนาดยักษ์ทอดตัวล้อมทิศตะวันออกไล่ไปจนถึงน้ำตกจำลองประดับรูปปั้นสไตล์โกธิค สีขาวของหินอ่อนสลับสีฟ้ากระจ่างของน้ำคือความประทับใจแรกที่ส่องประกายด้านหน้าทางเข้าวิลล่า ส่วนตัวอาคารมองผิวเผินราวกับยกปราสาทไบเซนไทม์มาตั้งที่ไม่อาจเรียกว่าคฤหาสน์ธรรมดาได้นั้น ไม่ได้เข้มที่ขนาดแต่ขลังด้วยบรรยากาศกึ่งโบราณและมนต์สเน่ห์ที่สถาปัตยกรรมโลกตะวันออกกับตะวันตกมาบรรจบกัน
“ขอต้อนรับการกลับมาครับท่านอลัน”
บนลานด้านหน้าบันไดมีผู้รับใช้มารอคอยทั้งสองอยู่ก่อนแล้ว แมคเจลเลนก้าวออกจากรถคนแรกพลางสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจหลังจากอ่านข้อความในมือถือ เขาได้ยินเสียงประตูรถที่ปิดจึงหันไปยิ้มกับอีกฝ่าย
“อาจจะช้าไปหน่อยแต่คงต้องพูดสินะ.. ขอต้อนรับสู่วิลล่าแมฟเวอร์ลินช์ ฟรี wifi ไร้กฎเกณฑ์” และที่สำคัญ.. จงมีชีวิตรอด แน่นอนว่าข้อนี้เขาแค่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
รู้สึกเหมือนถูกค้อนใหญ่ๆมาทุบลงกลางหัว นับตั้งแต่การที่ได้รับคำตอบจากคำถามที่ถามไปเป็นการตอบว่า ‘เลี้ยงข้าว’ ต้องขออภัยอย่างสูง แต่ชีวิตนี้ยูเฟเมียมองว่าการกินข้าวกับเจ้านายคือเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตแล้ว !!! ไม่มีลูกน้องคนไหนอยากกินข้าวกับเจ้านายที่คาดเดาไม่ได้ ทั้งยังทวงงานเก่งเหมือนกลัวว่าบริษัทจะล้มละลายถ้าเธอไม่ส่งงาน หน้าชาสมองไร้ความคิดไปได้ช่วงนึงไม่ทันหาย
ก็ถูกค้อนหนักๆ ทุบเข้ากลางหัวอีกรอบเมื่อทัศนียภาพรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไป ความอลังการงานสร้างเหมือนกลัวคนไม่รู้ว่ารวยล้นฟ้า สัญญาณเตือนถึงภัยอันตรายภายในหัวดังถี่ยิบ นี่มันไม่ดีแล้วๆๆๆๆ ใบหน้าหวานของหญิงสาวซีดลงเรื่อยๆ ในทุกเวลาที่รถขยับ มันไม่ใช่แค่การเลี้ยงข้าว หัวเด็ดตีนขาดยังไงมันก็ไม่ใช่การเลี้ยงข้าวธรรมดา เท่านั้นยังไม่พอ !!! เหมือนว่าบอสจะมีความสุขกับการทำให้ความคิดเด็กฝึกงานวุ่นวายเล่น
คุณพี่พาหนูมาที่วิลล่าตระกูลคุณพี่หาแปะอะไรค๊าาาา !???
มองเห็นสุดยอดการต้อนรับแล้วก็ได้แต่ฉีกยิ้มการค้าไว้บนหน้า อยากกลับบ้านอ่ะ ไม่อยากอยู่แล้วอ่ะ ช่วยส่งหนูกลับทีได้ไหมคะบอส เป็นหมื่นพันความคิดคร่ำครวญจะกลับบ้านได้แต่อยู่ในใจ “อยู่ๆก็รู้สึกว่าแต่งตัวไม่เข้ากับสถานที่ ขอกลับไปเปลี่ยนก่อนได้ไหมคะ ???” แน่นอนว่าอันนี้พูดไปด้วยน้ำเสียงที่กัดฟันสุดชีวิต จะจำวันนี้ตลอดไป ว่าการเรียกเร่งด่วนของแมคเจลเลนคือสิ่งที่โคตรจะไว้ใจไม่ได้
“อ้าว นั่นยุฟฟี่ไม่ใช่หรอ…”
ที่ระเบียงชั้นสองของวิลล่ามีเสียงคล้ายคนพึ่งตื่นนอนเดินออกมาพร้อมชุดนอนลายลูกเป็ดเดินออกมา ผมสีน้ำตาลอ่อนม้วนพันไหล่ ดวงตาคู่หวานราวกับหยาดอำพันนั้นดูอ่อนหวานและซุกซนในเวลาเดียวกัน เครื่องหน้าสุดมั่นขนาดนี้จะมีใครอื่นถ้าไม่ใช่ ‘มิเคล่า แอนนาเบธ แมฟเวอร์ลินช์’ คุณหนูคนเล็กหรี่ตาลงปรับโฟกัส เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่มากับพี่ชายตนเป็นเพื่อนเกลอก็ชักชวนเสียงใส “ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมาด้วยนะเนี่ย ก็ดี! ปล่อยตานั่นไว้ตรงนั้นล่ะยุฟฟี่ ฉันได้ขนมแบบใหม่ให้ชิมรีบขึ้นมานี้เร็ว…” ว่าแต่สองคนนั้นไปสนิทกันถึงขั้นชวนมาบ้านใน ‘วันพิเศษ’ แบบนี้ตอนไหน..
“ โอ้.. สวัสดีค่ะมิลลี่ ” อื้ม.. ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าจะต้องมา ยูเฟเมียยกรอยยิ้มเบาบางเมื่อเห็นว่าคนที่ทักก็คือมิลลี่ เพื่อนสนิทที่ติดต่อกันมาตลอด แต่โอกาสได้เจอกันตัวเป็นๆค่อนข้างจะมีน้อยพอสมควร ใบหน้าหวานของยูเฟเมียหันไปมองทางตัวต้นเรื่องที่พาเธอมาในวันนี้ด้วยรอยยิ้มที่ดูปกติ ปกติมากทั้งๆ ที่ในใจคือตรงกันข้ามแบบสุดๆ “ก็นะคะบอส ถ้าให้เลือกระหว่างบอสกับมิลลี่แน่นอนว่าฉันไม่เลือกบอสแน่~”
“เพราะฉะนั้นขอตัวนะคะ” หลังจากที่ส่งรอยยิ้มตาปิดของตัวเองเป็นการตีเนียนก็ก้าวขาฉับๆ เดินหนีตัวต้นเรื่องที่พามาบ้านแบบไม่บอกไม่กล่าว ยูเฟเมียก็ไม่ได้คิดว่าเธอสนิทกับแมคมากขนาดที่เขาจะพามาที่บ้านได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถือว่าโคตรจะเกินความคาดหมาย ยังไม่ได้ทำใจที่มาบ้านของคนรวยล้นฟ้าแล้วแต่งตัวเหมือนมาบ้านเพื่อนปกติ แล้วก็ยังไม่ได้ทำใจกับความหรูหราหมาเห่าของบ้าน ไม่สิ ปราสาทแมฟเวอร์ลินช์ด้วย !!
“...พวกผู้หญิงนี่นะ” จะทั้งอาการเมินของน้องสาวหรือท่าทีสดชื่นเหมือนตื่นจากฝันร้ายของลูกจ้างก็ดี สองสิ่งนี้ล้วนทำให้แมคเจลเลนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมสักเท่าไร จังหวะคิดจะดีดหน้าผากหล่อนก่อนชิ่งสักที รถหลักสิบล้านสีดำสนิทเลขทะเบียนไม่คุ้นตาอีกคันก็เคลื่อนตัวมาเทียบข้างๆ ยังไม่ต้องเลื่อนกระจกลงแต่บรรยากาศในนั้นก็ชวนหงุดหงิดแล้ว
“ไม่ยักรู้ว่าป๊าชวนคนนอกมาด้วย เหอะ ไหนบอกว่างานครอบครัว”
พ่อบ้านเซบาสเตียนแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า “คุณท่านต้องการให้ปีนี้คึกคักเป็นพิเศษขอรับ” ปรายสายตาไปทางผู้รับใช้อีกสองรายให้เข้าต้อนรับ ‘แขกพิเศษ’ ที่เริ่มทยอยกันเดินทางมาถึง บรรยากาศเงียบงันรอบตัวเขาดูไม่น่าไว้ใจพอๆ กับความขลังของวิลล่า
“หมอนั่นขายบัตรเชิญไปกี่ล้าน” แมคเจลเลนส่ายหน้าเบาๆ เผลอมองตามแผ่นหลังของลูกจ้างสาวเข้าไปด้านในแล้วขมวดคิ้ว.. ‘ดูสบายใจเกินไปไหม? ตอนแรกยังทำเหมือนไม่อยากมา รึเป็นเพราะว่ามิลลี่?’
“คุณอลันพูดเกินไปแล้วครับ… แขกพิเศษในวันนี้ล้วนเป็นผู้สนับสนุนทุนวิจัยของนายท่าน”
ไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่ๆ แมคเจลเลนรู้ดีถึงความบ้าคลั่งในวิทยาศาสตร์ของพ่อบังเกิดกล้า นึกแสยะยิ้มในใจมองเหล่ารถหรูหราทั้งหลายที่ทยอยกันเข้ามา บางทะเบียนก็พอระบุจุดประสงค์ได้ว่านอกจากสร้างเส้นสายในวงสังคมแล้ว จะมีอะไรคุ้มให้เสี่ยงชีวิตมาที่นี่กันล่ะ…
ว่าแต่… ทำไม ‘แขกพิเศษกิติมศักดิ์’ ของเขาทำไมยังไม่โผล่หัวสักที
เอล
ด้านในอาคารหลักมีโถงวิจิตรที่กว้างพอจัดงานเต้นรำได้โดยบรรดาแขกไม่เหยียบเท้ากันตาย พ่อบ้านเลือกแผ่นเสียงเพลงบรรเลงคลาสสิคที่คนแต่งนอนในหลุมร่วมทศวรรษมาเปิดสร้างบรรยากาศ ผู้มาเยือนอาจหลงใหลดอกไม้เขตร้อนที่ถูกขนมาประดับสร้างสีสันตามมุมต่างๆ ทว่านอกจากศิลปะทั้งรูปปั้น ภาพวาด ของสะสมยากประเมินมูลค่าแล้ว ในโถงนั้นกลับไม่มีอาหารตามที่ควรจัดเลี้ยง ไม่พบแม่แต่เงาของเจ้าภาพวันเกิด เอล
การมาอยู่ตรงนี้คือเรื่องที่ยูเฟเมียมองว่าไม่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งที่หาได้ยาก กวาดสายตามองแขกภายในห้องโถงแล้วก็ได้แต่ดึงสายตาตัวเองกลับมาก่อนที่จะมีคนรู้ว่าเธอกำลังจ้องมอง ร่างเล็กภายใต้เสื้อยืดสีขาวธรรมดา สวมทับด้วยเสื้อคลุมทั่วไป กับกางเกงขายาวสีดำเข้ารูปยังคงจับจองพื้นที่มุมห้องโถงที่เงียบสงบ เท่าที่ฟังก็พอจะได้ยินมาบ้างว่านี่เป็นงานเลี้ยงวันเกิด
งานเลี้ยงวันเกิดแล้วยังไง.. เธอไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาเจอกับการอยู่ท่ามกลางเหล่าตัวท็อปๆของวงการทั้งหลาย นัยน์ตาสีรัตติกาลอยู่ไม่นิ่ง เธอพอใจแค่กับการเจอตัวพวกเขา แต่ไม่คิดจะเข้าไปทักทาย หรือเริ่มต้นแนะนำตัว โอกาสทองที่หลายๆคนอยากได้ แต่ไม่ใช่กับยูเฟเมีย เป็นความคิดที่ไม่คุ้มสุดๆ แต่ถึงอย่างงั้นลึกๆก็ยังตั้งมั่นกับตัวเองอยู่ดี คนแรกที่ให้โอกาสในการทำงานกับเธอคือแมค จนกว่าเขาจะไล่ออก เธอก็ยังไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนที่ทำงานหรอกนะ..
“น้ำผลไม้ขอรับจะรับเป็นอะไรดี มาจากเรือนกระจกของนายท่านรับรองว่าปลอดสารพิษ” พ่อบ้านหนุ่มที่ดูอายุไม่ออกอย่างเซบาสเตียนไม่ยอมอยุ่ว่าง เขานำถาดเล็กที่ด้านบนมีน้ำผลไม้สีสันแปลกตาตกแต่งแก้วอย่างวิจิตรเดินมาตรงหน้าแขกของคุณชายอลัน
จากที่อยู่ในมุมสงบ สุดท้ายก็มีคนทักจนได้.. หญิงสาววาดรอยยิ้มบนใบหน้าด้วยความใจเย็น ถึงจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ยูเฟเมียก็ยังเป็นคนที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าเสมอ นั้นคือสิ่งที่เธอทำอยู่ตลอด “คุณพ่อบ้านที่พบก่อนหน้านี้.. ฉันรับเป็นน้ำผลไม้ที่มีอยู่ในถาดนี้แหละค่ะ งานใหญ่แบบนี้เหนื่อยหน่อยนะคะ ” เพราะตั้งใจว่าจะอยู่เงียบๆ เพื่อที่จะไม่รบกวนการทำงานของใคร ดังนั้นเธอจึงหยิบน้ำผลไม้ที่มีบนถาดมาถือไว้อย่างว่าง่าย
“ขอบคุณมากค่ะ” โดยส่วนใหญ่มันคือความเกรงใจ และอีกส่วนคือความเคยชิน วางตัวไว้ตรงกลางที่ไม่รบกวนใคร นั้นคือสิ่งที่ยูเฟเมียพยายามรักษาให้ตัวเองเป็นมาโดยตลอด
เอล
"แว้!! เอาคุ้กกี้คืนมาา" คนที่หลับได้ทุกเวลาอย่างคุณหนูเล็กบ้านนี้ยังคงแยกไม่ออกระหว่างวันเกิดพ่อตนเองหรือวันนอนแห่งชาติ เสียงัวเงียไม่ยอมตื่นเพราะเมื่อคืนเพลย์เกมหนักไปหน่อยทำให้หล่อนพาดตัวพิงกับคนแกล้งเสียดื้อๆ ขออภัยด้วยมิเคล่าที่ท่านเรียกยังไม่พร้อมปาร์ตี้ในเวลานี้
เอล
ในมุมหนึ่งของงานมีชายในชุดสูทสีเงินหมุนแก้วแชมเปญในมือเล่น แขกแสวๆ ลอบมองมาทางเขาเป็นระยะทว่าสายตาสีเทานั้นเย็นชาเกินจะสน บรรยากาศรอบตัวเขาดูไม่เข้ากับสถานที่นี่เลยแม้แต่น้อย ที่ด้านข้างมีเลขาส่วนตัวคอยกระซิบบอกทิศทางเป็นระยะ ในที่สุด ‘ประธานโอเบรอน’ ก็สามารถพาตัวเองมาถึงจุดเหมาะๆ ในการลอบมองสาวน้อยชุดเป็ดคนนั้นได้ ‘เวลาหลับยังน่าเอ็นดู อุ้มกลับบ้านตอนนี้เลยได้ไหมนะ’
มีหรือที่แมลงอันตรายเช่นนี้จะรอดพ้นเรด้าห์หวงน้องสาว แมคเจลเลนยืนอยู่บนระเบียงชั้นลอยเหนือหัว ‘ประธานเพลย์บอย’ พอดิบพอดี ด้วยว่าตัวเขาเองนับอีกฝ่ายเป็นอริกลายๆ จู่ๆ มาปรากฎตัวในบ้านที่เป็นถิ่นของตนจึงยิ่งรู้สึกขัดตามากขึ้นกว่าเดิม นิ้วเคาะราวจับสองสามแก๊ก ก่อนจะคว้าแก้วจากถาดแล้วยื่นออกไปกลางอากาศ
“ลาก่อน.. น้ำมะนาวที่รัก”
เสียงเคร้งด้านล่างพร้อมกับความวุ่นวายขนาดย่อมเมื่อสูทสีเงินราคาแพงมีกลิ่นเลมอนสด ทว่าเมื่อ ’เหยื่อ’ มองกลับขึ้นมาก็ไม่ปรากฎตัวผู้ก่อเหตุเสียแล้ว
“หืมมม...มุมนี้เห็นชัดเลยครับคนหวงนั้นน่ะ”เสียงที่นุ่มติดแหบหน่อยของผู้ชายที่พึ่งแตกเนื้อหนุ่มกล่าวออกมา แขนทั้งสองข้างวางเท้าลงบนขอบระเบียง ดวงตาสีเทาสว่างมองดูญาติตัวเองที่พึ่งเดินจากไปก่อนจะเลื่อนกลับไปมองยังจุดที่พี่สาวชุดนอนลายเป็ดยืนอยู่ สลับกับพี่สาวอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ “หาเจอแล้วพี่เอลล่า”
ช่วงที่โรเบนพยายามซับน้ำมะนาวออกจากฟองน้ำที่ได้ชื่อว่าเจ้านาย จังหวะทุกคนไม่ทันระวังก็เกิดเสียงปืนลั่นหลายนัดติดต่อกัน กำแพงสั่นไหวจนรู้สึกได้ กระสุนบางนัดทะลุประตูโถงเป็นรูโหว่ ใครบางคนร้องขอความช่วยเหลือจากอีกฝั่ง คราบเลือดไหลนองลอดใต้ร่องออกมาอาบเป็นสาย ก่อนฝีเท้าของเหล่าผู้รับใช้จะกรูกันไปยังประตู ท่ามกลางความเงียบอันตื่นตระหนกกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นขัดกับบรรยากาศชื่นมื่นของงานก็เริ่มคละคลุ้งไปทั่ว
บานประตูถูกดึงเปิดออกพร้อมกันกับร่างหนึ่งที่ทรุดลงกองกับพื้น บุรุษผมเงินในชุดขาวโชกเลือด กระสุนแต่ละหย่อมย้อมเสื้อเขาให้กลายเป็นภาพดอกไม้แดงผลิบาน ชายผู้นั้นหลับตานิ่งสนิทไม่ไหวติง ใบหน้าได้รูปซีดจัดไร้สีสัน
“คุณท่าน!!” พ่อบ้านโยนถาดทิ้งแทบจะพร้อมกับที่เชอร์วาลิเย่ประจำตระกูลตรงดิ่งไปรับตัวเจ้านาย
“คุณท่านงั้นหรอ.. หมายความว่านั่นคือ.. ? ท่านประธาน?” เหล่าแขกในงานคล้ายเริ่มได้สติจากภาพที่เห็น บ้างก็ถอยกรูดไปติดกำแพง บ้างก็หวีดร้องขึ้นมาด้วยความโกลาหล
นี่ มั น เ รื่ อ ง บ้ า อ ะ ไ ร กั น ค ะ ? เสียงปืนดังสนั่น กับเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือทำให้สัญชาตญาณตื่นตัว คุณพ่อบ้านตรงหน้าที่ดูจะสงบนิ่ง อยู่ๆก็โยนถาดปลิวว่อนแล้ววิ่งไปตรงไปที่ผู้บาดเจ็บ ม่านตาของหญิงสาวที่ถูกพาตัวมาแบบงงๆ หดลงอย่างเห็นได้ชัด เสียงรอบข้างเริ่มกลายเป็นเสียงอื้ออึง แต่ถึงอย่างงั้นก็พอจะจับประเด็นได้ว่าคนที่ล้มลงไปนั้นเป็นใคร เดี๋ยวก่อนนะ.. คุณท่าน ? ท่านประธาน ??
ทันทีที่สมองเริ่มประมวลผลอีกครั้ง กลายเป็นว่าเธอกลับไม่สามารถอยู่เฉยๆได้อีกต่อไป ความแตกตื่นของผู้คนลามไวยิ่งกว่าอะไร เธอมาในฐานะอะไรเรื่องนี้ไม่รู้ได้ แต่ยูเฟเมียไม่มีทางทำใจนิ่งเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่นอน เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ในห้องโถงและพยายามกวาดสายตาหาใครบางคน ใครบางคนที่ว่าคือตัวต้นเรื่องที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี้ และตอนนี้จะเป็นคนเดียวที่พอจะให้คำตอบกับสิ่งที่เธออยากรู้
“บอส !! นี่มัน.. ขอโทษนะ แต่นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย ??? ” ประโยคเริ่มต้นไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ใบหน้าที่ดูสับสน กับแววตาที่สั่นนิดๆยังคงทำให้รู้ชัดว่ายูเฟเมียไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่สามารถควบคุมความคิดได้อย่างรอบคอบเหมือนแต่ก่อน “ ฉัน เอ่อ .. หมายถึง มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้างไหม ? นี่มัน .. ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะทำใจให้อยู่เฉยๆได้”
“เธอช่วยอะไรฉันหน่อน.. เอานี่เข้าไปซ้ำทีสิว่าตายสนิทไหม” ตอบคำถามด้วยการสั่งงาน ในมือของแมคเจลเลนคือแจกันหินอ่อนน้ำหนักเอาเรื่อง สีหน้าเขาราบเรียบไม่สะทกสะท้าน ดูยังไงก็ห่างจากคนที่พ่อบังเกิดกล้าโดนยิงพรุน
“... นี่คุณบ้าไปแล้วใช่ไหมเนี่ย” ความคิดที่ว่าแมคเจลเลนพึ่งพาได้ มันไม่ควรจะมีอยู่ในสมองเธอ คงจะต้องจำไว้แล้วว่าเขาเป็นคนที่ควรจะปรึกษาน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยูเฟเมียพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์ ที่นี้ไม่ใช่ที่ๆเธอจะทำอะไรตามใจชอบได้ ยูเฟเมียรู้ดี เพราะฉะนั้นจึงต้องมากัดฟันอยู่เฉยๆ รอดูให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันดำเนินต่อไปตามทิศทางของมัน
“ไฟไหมม้!!” เสียงปืนดังรัวในที่สุดก็ปลุกเจ้าหญิงนิทรานามมิลลี่สะดุ้งโหยงตื่นขึ้นมาได้ แต่คำที่เธอตะโกนออกมาผิดจากความจริงไปไกลลิบ อัลมาสก้าวเข้ามารับร่างนุ่มนิ่มเอาไว้ก่อนจะอุ้มออกไปไม่ให้โดนแขกที่กำลังโกลาหนเหยียบเข้า
เอล
ความวุ่นวายเกิดขึ้นได้ไม่นาน พ่อบ้านที่กลับมาตั้งสติได้แล้วจึงเดินไปนำผ้ามาคลุมร่างของเจ้านายเอาไว้กันสภาพอนาถ เชอวาลิเยร์ทั้งสามเรียกกำลังเสริมเข้ามาล้อมห้องเอาไว้ หัวหน้ากลุ่มผู้คุ้มกันของวิลล่าปรึกษากันอยู่ไม่กี่ประโยคทั้งหมดก็หยิบปืนขึ้นมาและเล็งไปที่แขกทุกคน ท่ามกลางเสียงสบถเซบาสเตียนกล่าวแทนพวกเขาว่า
“ขอความร่วมมือจากทุกท่านด้วยครับ อย่างที่เห็นว่าท่านประธานคาลิเฟอร์ถูกผู้ไม่ประสงค์ดีลอบสังหาร คนร้ายยังคงอยู่ในวิลล่า อาจจะเป็นหนึ่งในแขกของวันนี้ จนกว่าจะระบุตัวฆาตกรได้ทุกท่านคือผู้ต้องสงสัยกรุณาอยู่ในห้องโถงก่อนครับ”
ยูเฟเมียเข้าใจดีในการทำงานของบรรดาคนของตระกูลแมฟเวอร์ลินช์ ขอนับถือในความเด็ดขาดที่สามารถกลับมาสั่งการได้อย่างรวดเร็วของคุณพ่อบ้านที่เอาน้ำผลไม้มาให้เธอ หญิงสาวร่างบางกอดอกพร้อมกับมองรอบข้างด้วยสายตาที่สั่นไหว ถึงอย่างงั้นเธอก็ไม่สามารถโวยวายอะไรได้อยู่ดี เธอโอเคกับการให้ความร่วมมือ แต่เธอไม่โอเคกับการที่ถูกลากออกจากบ้านในตอนที่กำลังพักแล้วต้องมาเจอเรื่องบ้าบอเหนือความคาดหมายแบบนี้ ทั้งหมดโทษได้แค่คนเดียว เพราะงั้นบางทีลางานยาวอาจจะเป็นตัวเลือกการประท้วงที่ดีที่สุด
“....อืม ที่ว่าคึกคักคงจะหมายถึงเรื่องนี้เองสินะ”
แมคเจลเลนจูงให้เด็กฝึกงานในปกครองเขาเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยกันกับน้องสาวตน เขาเท้าคางเหมือนว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นหนแรก ตาเฒ่านั่นยิ่งอยู่นานก็ยิงขี้เบื่อมักจะหาเรื่องแปลกใหม่ทำแก้ว่างเสมอ แต่ว่าทำไมกันนะ.. ยิ่งอยุ่ในห้องนี้นานก็ยิ่งรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว
เอล
“หึ ก็เห็นๆ อยู่ว่าถูกยิงจากด้านนอกห้องโถง จะมาตรวจสอบคนด้านในทำไมคิดว่าพวกเราโง่หรอ?” ท่าน รมต.กระทรวงวิทยาศาสตร์ค้านขึ้นมา ชักชวนให้แขกคนอื่นๆ ต่อต้านที่อยู่ ดีๆ พวกเขาก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย แถมยังมีปืนมาจ่อหัวอีกมันช่างกล้านักไม่รู้เสียบ้างว่าเขาเป็นใคร! “ถึงจะน่าเสียดายที่ท่านประธานมาเสียเอาวันเกิดตัวเองแต่การจับตัวคนร้ายสำคัญกว่า นี่! ฉันมีคนรู้จักอยู่จะให้ช่วยชันสูตรศพให้เอาไหมล่ะ”
พ่อบ้านตอบกลับอย่างเย็นชา “ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ ไม่อย่างนั้นพวกผมไม่มีทางเลือกนอกจากทำให้พวกคุณ ‘สงบ’ นะครับ”
“ใช่ๆ พวกเราไม่มีอาวุธ จะเป็นคนร้ายได้ยังไง แบบนี้ไม่แฟร์!” ดาราสาวเจ้าบทบาทคืออีกรายที่โอเวอร์แอคติ้งเกินไปหน่อย แค่ปลายกระบอกจรดมาที่หน้าผาก เธอก็กลัวจนแทบกัดลิ้นตัวเอง
“ถ.. ถ้างั้นก็รีบๆหาตัวคนร้ายสิ ต้องเป็นคนมาที่หลังพวกเราแน่ๆ ฉันเข้ามาในโถงก่อนมีพยานด้วยดังนั้นไม่ใช่ฉันหรอก!!”
“ตรวจสอบลายนิ้วมือไง… ต้องหลงเหลือหลักฐานบ้างล่ะ อย่างคราบเขม่าดินเปืน” แล้วถ้าฆาตกรสวมถุงมือล่ะ...
โกลาหลกันไปอีกพักใหญ่คล้ายว่าเหล่าแขกจะกลัวเสียหน้าที่ไม่ได้อวดรู้มากกว่ากลัวตาย พวกเขาลืมไปแล้วว่าตอนนี้ปืนทุกกระบอกจ่อหัวใครอยู่ เหลือก็แต่ลั่นไกเพราะปลดเซฟตี้เรียบร้อยแล้ว ด้านของมิเคล่าที่ตอนนี้ตื่นเต็มตาก็กำลังถามยูเฟเมียว่า “...เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมมีซอสแดงกระจายอยู่เต็มประตู อ้าว เอล..ทำไมวันนี้ใส่ชุดสายเดี่ยวมาไม่หนาวหรอ” ทั้งที่แอร์เปิด 20 องศาเพราะป๊าเธอขี้ร้อน
ยูเฟเมียเริ่มรู้สึกได้ลึกๆว่าคนที่นามสกุลแมฟเวอร์ลินช์มันน่ากลัว.. ถึงอย่างงั้นก็ยังคงฉาบทับความหวั่นในใจไว้ด้วยใบหน้าราบเรียบอย่างที่เคย “มีคนประสงค์ร้ายยิงท่านประธานน่ะ..” ทำลายความเข้าใจของมิลลี่ต่อสิ่งที่กระจายอยู่เต็มประตูอย่างย่อยยับโดยไม่คิดจะปิดบัง ความจริงมีให้เห็นอยู่เต็มตา จะให้เธอชักแม่น้ำทั้งห้ามาก็ไม่ใช่นิสัยตัวเอง ดังนั้นน้ำเสียงที่พูดออกไปจึงเบาและดูไม่มั่นคงเป็นพิเศษ ยูเฟเมียไม่ค่อนถูกกับความวุ่นวาย แต่ตอนนี้จะหันไปมองทางไหนก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ดังนั้นทางเลือกที่เธอเลือกคือการปิดเปลือกตาลงปล่อยให้มุมมองของเธอมืดมิดต่อไป
“ห่ะ!! คนถูกยิงคือปะป๊าหรอ? ไม่ใช่ไฟไหม้หรอ?? อ้าว.. แบบนี้ก็แย่สิ พี่แมค ทำไงดี มิลลี่จะกลายเป็นเด็กกำพร้าแล้วหรอคะ?” ในที่สุดก็มีการตอบสนองอย่างเป็นปกติของลูกสาวที่เป็นห่วงพ่อตัวเอง มิเคล่าลุกพรวดขึ้นไปหาร่างที่ถูกผ้าคลุมไว้โดยไม่สนว่าชุดเป็ดน้อยของเธอจะเปื้อนเป็นเป็ดสยอง หลังจากเปิดยืนยันตัวตนแล้วว่าหน้าตาแบบนี้ โอ้ใช่ นี่คือคนเลี้ยงตนมาแน่ๆ น้ำตาก็คลอใส “โธ่ ปะป๊าคะ..”
“ไม่ต้องห่วงก่อนหน้านี้ฉันทำประกันให้เค้าไว้แล้ว เธอไม่อดตายแน่นอน”
“ที่จะถามน่ะไม่ใช่เรื่องนั้น!! พ่อเราทั้งคนนะแมคคค”
“ใช่แล้ว เพราะงั้นผู้ที่มีสิทธิรับมรดกถึงเป็นทายาทอย่างพวกเราไง.. สู่สุขตินะป๋า เดี๋ยวฉันดูแลมิลลี่เอง” ทายาทหนุ่มดูจะไม่สะทกสะท้านอีกทั้งคิดไว้ในใจแล้วว่าคงต้องฝังตามะรรมเนียม ชนิดสะกดวิญญาณไม่ต้องผุดต้องเกิด
เอล แมคเจลเลนลูบหัวน้องสาวอย่างปลอบด้วยความชื่นมื่นก่อนจะถอยออกมาข้างลูกพี่ลูกน้องคนสวย “เอลล่า เธอบอกน้าด้วยว่าถ้าเป็นตามนี้ก็เตรียมแบ่งมรดกอาทิตย์หน้า ถ้ามาช้า.. หัก 30%” น้ำเสียงหัวเราะในลำคอปิดไม่มิด มีรึเกรงใจ ‘ศพ’ บนพื้น
เอล
“น่าเสียดาย.. งั้นคงต้องตัดออกจากกองมรดกซะแล้ว” ชายผมเงินอมยิ้มกริ่ม
เอล
ไม่ถึงอึดใจถัดมาพ่อบ้านเซบาสเตียนก็ให้คนเข็นเอาโหลคริสตัลที่ด้านในมีแคปซูลสีขาวออกมา “กรุณาอยู่ในความสงบด้วยครับ ตอนนี้ทางเราจะเริ่มทำการหาผู้ต้องสงสัยขอให้ทุกท่านทำการ ‘จับฉลาก’ ในโถแก้วใบนี้ ด้านในจะมีที่เขียนข้อความเอาไว้ หากจับได้อันที่มีข้อความ ขอให้ท่านทำตามสิ่งที่อยู่ในนั้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”
“เดี๋ยวนะ? ที่ว่าทำตามนั่นหมายถึงอะไร พวกคุณใช้วิธีนี้หาตัวคนร้ายงั้นหรอ? ไม่มีเหตุผลเลย!!”
“หากสามารถทำตามข้อความด้านในได้จนสำเร็จพวกเราจะถือว่าท่านนั้นไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยครับ” ฟังดูเหมือนยุติธรรม แต่ใครกันล่ะจะรู้ว่าสิ่งที่อยู่ด้านในแคปซูลหน้าตาธรรมดาไร้พิษสงนั้นคืออะไร?
“สุดยอดไปเลยน้า.. มีคนตายแต่ให้มาจับฉลากเนี่ย..” เปลือกตาข้างนึงถูกยกขึ้นเพื่อมาสังเกตการณ์ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนที่จะหันหน้าไปมองทางบรรดาสายเลือดแมฟเวอร์ลินช์ทั้งหลาย แขกของงานเลี้ยงส่วนใหญ่ยังคงลังเล หรือไม่ก็กำลังวิตก ยูเฟเมียถอนหายใจ ยังไงเธอก็ยินดีให้ความร่วมมือกับทุกสิ่งอยู่แล้วถ้ามันทำให้เธอได้กลับบ้าน ก่อนที่คนจะเบียดเสียดกันจบวุ่นวายกว่านี้ เดินไปหยิบมาสักอันให้จบก็สิ้นเรื่อง
“แค่หยิบมาอันนึงก็พอสินะคะ..” นัยน์ตารัตติกาลหลุบมองโถแก้วที่ด้านในมีแคปซูลบรรจุอยู่จนเต็มโถ หลายคนมองเธอด้วยสายตาตกอกตกใจ ถึงอย่างงั้นทุกอย่างที่เธอทำไปก็ยังดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เดินไปหยุดหน้าโถแก้วที่เธอจะต้องยื่นมือไปหยิบแคปซูลมาสักอัน สูดหายใจเข้าลึกๆ และทำให้สิ่งที่ควรทำ ไม่มีการลังเล อันแรกที่มือเธอแตะ ก็คืออันที่เธอเลือกหยิบมันขึ้นมา “ ขออันนี้ไปแล้วกันค่ะ ”
“หนูต้องจับด้วยใช่ไหม? อื่ม.. คงไม่ใช่คำสั่งเสียของปะป๊านะ?” คงต้องขอบคุณหน่วยกล้าตายอย่างยูเฟเมียที่ช่วยเปิดเวที มิเคล่าผู้ที่ตอนนี้กลายเป็นลูกเป็ดเปื้อนเลือดเดินไปยังโหลเป็นคนที่สอง พร้อมกันนั้นเธอก็หยิบของอัลมาสและพี่ชายตนมาให้ด้วย
“ขอบคุณครับคุณหนู…” เค้าบอกให้จับคนละอันแต่นี่ล้วงสามเลย
“เอาเถอะๆ ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเล่นอะไรกันอยู่ แค่ทำให้จบก็พอใช่ไหม” แมคเจลเลนบีบแคปซูลที่น้องสาวโยนมาให้ในมือ หรี่ดวงตาลงอย่างไม่สบอารมณ์นักทำไมแขกของเขา ‘รายนั้น’ ถึงยังไม่มาสักที
เอล
หลังจากบรรดาแขกทยอยมาจับฉลากจนครบทั้งแปดสิบคน พ่อบ้านหน้านิ่งก็ประกาศให้ทุกคนสามารถเปิดดูเรื่องที่ต้องทำได้ และห้ามคิดตุกติกแลกเปลี่ยนกันเด็ดขาด เพราะพวกเขาได้ตั้งกล้องสังเกตการณ์ไว้ทุกจุดในโถงนี้ และผลที่ออกมาก็คือ…
ยูเฟเมีย ข้อความในกระดาษ 'ช่วยให้อาหารปลา'
“แหม.. คนเขียนก็ต้องเป็นคนที่มีอารมณ์ขันพอสมควรเลยนะคะ..” หรี่ตามองข้อความในกระดาษที่ตัวเองได้รับ ก่อนจะถอนหายใจ มีคนตายแต่สิ่งที่ทางนั้นขอให้ความร่วมมือดันเป็นการทำตามกระดาษที่มีข้อความแนวไม่จริงจังอยู่เนี่ยนะ.. อีกอย่างเธอจะรู้ได้ไงว่าปลาที่ว่านั้นอยู่ไหน บางทีอาจจะต้องรอให้สงบแล้วก็ถามทางไปให้อาหารปลา.. คิดว่าควรจะเป็นงั้นนะ ?
“ให้อาหารปลาหรอครับ เช่นนั้นคงต้องรบกวนคุณอยู่จนถึงเวลาอาหารเย็นแล้วล่ะครับ ผมจะช่วยนำทางไปเอง” พ่อบ้านหนุ่มเข้ามาให้เหตุผลว่าส่วนของพวกปลานั้นไม่ได้อยู่ในโถง
มิเคล่า ข้อความในกระดาษ 'เดินไปที่ห้องหมายเลข 4 นำชุดที่อยู่ในลิ้นชักสีแดงมาสวม 1 วัน'
“ของยุฟฟี่ง่ายจัง… น่าอิจฉาอ่า” เป็ดน้อยโชกเลือดมองตัวอักษรในกระดาษของตัวเองสลับกับของเพื่อนรักแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ เลือกได้ไปให้อาหารเจ้าตัวน่ารักในอควาเรี่ยมชั้นใต้ดินคงสนุกกว่า “แต่เธอพึ่งเคยมาที่นี่คงจะยังไม่รู้ว่าตู้ปลาอยู่ตรงไหนสินะ เอางี้! เดี่ยวเค้าไปเปลี่ยนชุดแล้วจะไปเป็นเพื่อน!”
“อ่า… ในความเป็นจริงที่มาที่นี้วันนี้ฉันไม่รู้อะไรเลยต่างหากล่ะ..” ทุกอย่างโทษคนที่เป็นเจ้านายเธอนั้นแหละ กระดาษข้อความถูกเก็บ พร้อมกับมือบางที่ยกขึ้นมานวดขมับตัวเองเบาๆ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มีแต่เรื่องไม่สมเหตุสมผล ในหัวมีแต่คำว่าอยากกลับบ้าน อยากกลับบ้าน และอยากกลับบ้าน ในความเป็นจริงให้อยู่กับลาเรส … ไม่สิ ถ้าเป็นหมอนั้นก็ไม่เอาเหมือนกัน ไม่ว่าจะทางไหนก็ปวดหัวทั้งนั้นเลยสิน้า..
“ไม่เป็นไรหรอก ปลาพวกนั้นน่ารักจะตายปะป๊าชอบพวกมันมากเลย เธอเองพอเห็นแล้วก็คงกรี้ดแตกแน่ๆ คิกๆ”
พอฟังที่น้องสาวตัวดีของเขาชักชวนโน้มน้าวแล้ว ขนาดแมคเจลเลนยังเกือบคล้อยตามถ้าไม่ติดว่ารู้ความจริงอยู่เต็มอก ‘อย่าเอาตัวเองไปเป็นอาหารพวกนั้นก็พอ’ อัลมาส ข้อความในกระดาษ 'ปิดตาหันหลังเดินลงบันได'
ในฐานะเชอวาลิเยร์เรื่องแค่นี้ถือว่าไม่ใช่ปัญหาสำหรับตัวเขา อัลมาสมีหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยของคุณหนู ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหาโอกาสแยกไปทำมิชชั่นในกระดาษเงียบๆ ระหว่างที่สถานการณ์ของคุณหนูยังดูปลอดภัย ชายร่างสูงโปร่งปิดเปลือกตาลง และหันหลังก้าวถอยลงบันไดเรื่อยๆ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ทุกอย่างไร้การติดขัด จนสุดท้ายเขาก็ทำตามมิชชั่นสำเร็จ และได้กลับมายืนอยู่คอยปกป้องคุณหนูอีกครั้ง
แมคเจลเลน ข้อความในกระดาษ 'เผาชุดชั้นในตัวเอง'
“....ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เอ๊ย! ตัวนี้รุ่นลิมิเต็ดเลยนะ เฮ้! เอาของนายมาแลกกัน” เรียกตำรวจเร็ว ตอนนี้มีคนกำลังปล้นกางเกงในบอดี้การ์ดตัวเอง
เอลเมอร์ ข้อความในกระดาษ 'โทรไปเบอร์ล่าสุดแล้วบอกว่าคุณกำลังปล้นธนาคาร ให้อีกฝ่ายส่งรถมารับ'
“เบอร์คุณม๊า”เอลเมอร์มองข้อมความในเเคปซูลสลับกับเบอร์ของคุณม๊าบนจอมือถือ ถ้าโทรไปบอกไม่ใช่คุณม๊าตกใจหรอก คุณม๊าจะดีใจพร้อมขนยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นมาเพิ่มให้มากกว่า เอลล่า ข้อความในกระดาษ 'จุมพิตศพในห้อง'
เอล
@Admin @ELLA @♥ Mikela ♥ |