แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LingHao เมื่อ 2020-4-4 00:58
Mikela MaverLynz 46 DAMAGES อาพาร์ทเมนท์ของสีจิ้นเฟยบนโต๊ะราชวงศ์หมิง สองร่างพัวพันกันอย่างเร่าร้อนจนเครื่องติด ชาวหนุ่มชักอาวุธออกมาด้ายกำลังจะเข้าเข็มแต่หัวเข็มใหญ่กว่ารูเสียอย่างนั้น….
“มิลลี่..? นี่คุณยัง…” ส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสได้ถึงเส้นกั้นบางๆ ต้านเขาเอาไว้เข้าไปไม่ได้เลยจึงหยุดชะงัก ขณะหญิงสาวด้านล่างกำลังบิดตัวด้วยความเจ็บปวดสูดปากแล้วบอกให้เขาหยุด ชายหนุ่มยังคงตกตะลึงด้วยอีกฝ่ายเริ่มรุกก่อนก็คิดว่าคงจะมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
“นี่คุณยังเวอร์จิ้น??” พูดเบาอย่างเหลือเชื่อกับสิ่งที่เขาพึ่งค้นพบเมื่อครู่
“อะไรนะ?? โอ้ยเจ็บ!! ไม่เอาแล้ว!!” ไม่พูดเปล่ายกเข่าดันอีกฝ่ายออก ความรุ้สึกกลับมาโล่งระคนหน่วงๆ ที่ช่วงท้องน้อย ความเร่าร้อนสติเบลอกลับมาแจ่มชัดเธองุนงงว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้นี่นา “เป็นไปไม่ได้ๆ ก็.. เขาบอกว่าอยู่กับฉันทั้งคืนนี่นา”
“เขา?? หมายถึงใครกันครับ ?” ถึงจะอยู่ในสภาพแทบจะเปลือยเปล่าและตะบองประจำตัวตั้งโด่เด่ เจ้าหน้าที่หนุ่มยังคงก้าวเข้ามาย่อตัวลงประคองสองแขนกอดปลอบหล่อน ในเมื่อเป็นครั้งแรกตนเข้าใจว่าต้องใช้เวลาสักพัก “ขอโทษนะที่ทำคุณเจ็บ ผมคิดว่าคุณ…แล้วก็เลยรีบร้อนไปหน่อย มิลลี่? คุณโอเคไหม”
“ฮึก…” ตอนนี้คนตัวเล็กสับสนไปหมดอาการเจ็บที่เริ่มเบาลงทำให้เธอปล่อยอีกฝ่ายลูบหลังแล้วเอาคางเกยบ่าสะอื้นเบาๆ นิคเคลาส์โอเบรอนหลอกเธอหรอ? แต่เพื่ออะไรกันล่ะ ‘ไม่.. ไม่!! ฉันไม่โอเค’
ตูม!!!
ทั้งคู่สะดุ้งเพราะเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นไม่น่าจะไกลจากที่นี่ ไม่กี่อึดใจด็ระเบิดซ้ำอีกคราวนี้พื้นดินสั่นสะเทือนจนน่ากลัว มิเคล่าขดตัวเข้าในอ้อมกอดอีกฝ่ายที่ให้การคุ้มครองขณะชายหนุ่มร่นหัวคิ้วเป็นปม ตกลงข้างนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่?? จ้องตาปริบๆ พวกเขามีความเห็นตรงกันว่าควรสวมเสื้อผ้าก่อน เมื่อเปิดม่านออกทิศด้านหน้าอาพาร์ทก็เม้นท์กลายเป็นทะเลเพลิงไปแล้ว
“ไฟไหม้!! รีบดับไฟเร็ว!!” พนักงานบาร์หลายสิบชีวิตลำเลียงน้ำจากสระวิ่งชุลมุนไปด้านหน้า
สีจิ้นเฟยคว้าคนหนึ่งเข้ามาถาม “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมเอะอะวุ่นวายกันขนาดนี้”
“เถ้าแก่ครับ!! เถ้าแก่!! มีรถคันหนึ่งพุ่งชนกับต้นไม้หน้าหอเราตอนนี้ลุกเป็นไฟใหญ่เลย” “ตายจริง…?? รถยนตืหรือว่าอุบัติเหตุ มีคนบาดเจ็บไหม?” มิเคล่าสอบถามต่อคิดจะกดสมาร์ทโฟนแจ้ง 911 เพื่อมาช่วยดับเพลิงและขอความช่วยเหลือ
“เหมือนจะไม่มีนะครับ ผมเห็นแค่ผู้ชายผมเงินๆ ยืนอยู่กับคนแปลกหน้ากลุ่มนึง”
“เดี๋ยวนะ… ผู้ชายผมเงินผมสั้นหรือผมยาว!!” หญิงสาวสะดุ้งเฮือกตัวสั่นดูท่าครั้งนี้จะไม่ใช่ ‘อุบัติเหตุเสียแล้ว’ หากผมสั้นคือพี่ ผมยาวคือพ่อ..งานช้างเข้า
“เอ่อ.. ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายผมสั้นสีเงินนะครับ ผมขอตัวไปช่วยคนอื่นๆ ก่อนล่ะ เถ้าแก่ คุณพ็อตต์พึ่งโทรแจ้งไปรถดับเพลิงจะมาใน 10 นาที” เด็กเสิร์ฟคนนั้นวิ่งถือถังน้ำตัวปลิวปล่อยให้ทั้งสองยืนขมวดคิ้วคู่
ตัดสินใจไปดูสถานการณ์ด้านหน้าอาพาร์ทเมนท์ และแล้วก็เป็นอย่างที่เด็กคนนั้นเล่า ห่างจากด้านหน้าอาคารไม่ถึงห้าเมตรต้นโอ๊คอายุหลายสิบปีตกอยู่ในกองเพลิงความร้อน ซากรถที่อัดชนและระเบิดออกยังกระจายอยู่รอบๆ เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้าร้อนแรง
ขนาดยืนอยู่ห้างๆ ยังรู้สึกแสบผิว แต่ที่ริมฝีปากเล็กขบกันจนขาวซีด นั่นไม่ใช่เพราะภาพสถานการณ์เลวร้ายเบื้องหน้า แต่เป็น ‘คนนั้น’ ที่ยืนเด่นสง่าข้างทะเลเพลิงต่างหาก “.....ไม่ต้องกลัวนะครับผมจะไม่ปล่อยให้มิลลี่เป็นอันตราย” เห็นท่าทีหวาดหวั่นอย่างหาได้ยากของมิเคล่า ชายหนุ่มข้างกายยื่นมือไปกุมมือเล็กไว้โดยอัตโนมัติถึงพวกเขายังไม่ได้ ‘ผูกพันกัน’ จนเสร็จพิธีกรรมแต่หลังจากเดทกันหลายครั้งตอนนี้ก็นับได้ว่า.. เธอคือคนที่เขาสนใจอยู่ในปัจจุบัน
“หึ!! น้องสาวของฉันไม่ต้องอาศัยถึงมือนายหรอก!!”
“คุณคือ…” สีจิ้นเฟยโดนขัดบทซึ้งกระทันหัน มือเขากุมให้กำลังใจหญิงสาวแน่นทำไมจะไม่รู้จักชายที่กำลังเดินเข้ามาหากันล่ะ? ‘แมคเจลเลน อลัน แมฟเวอร์ลินช์’ ลูกชายคนโตของประธานเครือยักษ์ใหญ่มีพร้อมทั้งเงินตรา อำนาจ อิทธิพล และที่สำคัญมีศักดิ์ฐานะพี่ชายของมิเคล่า
ทันทีที่ลูกน้องที่เฝ้า ‘บุคคลต้องสงสัย’ รายงานว่าด้านสีจิ้นเฟยมีการเคลื่อนไหวเขาก็รีบตามมาใช้วงจรระเบิดที่ขอคุณน้าการสร้างสถานการณ์เพื่อ ‘เรียก’ ทุกคนในอาคารออกมารวมกันด้านนอก แบบนี้มันไวกว่าเดินเคาะถามทีละห้อง ใช้เงินกับอิทธิพลนิดหน่อยก็ปิดข่าวได้แล้ว.. โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่มีคนเจ็บ ไม่มีคนตาย เผาต้นไม้ต้นเดียวรถอีกหนึ่งคันมันง่ายกว่าบดกระโหลกคน
“ฉันไม่แนะนำตัวกับคนที่ไม่จำเป็นต้องพบเป็นหนที่สองหรอกนะ” ชายผมเงินยืนกอดอกมองภาพเกาะกุมมือราวกับวัยรุ่นใจแตกหนีตามกันตรงหน้า เขาเป็นคุณพี่ที่แสนจะห่วงใยแท้ๆ ทำไมพลิกผันมาบทตัวร้ายได้ล่ะ? “มิลลี่ มาหาพี่เดี๋ยวนี้”
“ไม่ค่ะ!! พี่แมคทำบ้าอะไรกันเนี่ยคนอื่นเขาตกใจหมดแล้ว!!” ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่น้องเธออาจโทรเรียกตำรวจจับเขาเข้าซังเต คาร์บอมม์เรียกชุมนุมงั้นหรอคิดได้เนอะ??
ถ้าไม่ใช่สายเลือดแมฟเวอร์ลินช์คงจะตบตาได้อยู่หรอก ที่รู้เช่นเห็นชาติเพราะบรรพบุรุษมันสอนมาดี!!
“มิลลี่.. ถ้าเธอยอมว่าง่ายแล้วกลับบ้านดีๆ พี่จะไม่เอาเรื่องนี้ไปรายงานคุณพ่อ รวมถึงเรื่องที่เธอหนีมาหาไอ้ตี๋หน้าจืดนี่ด้วย” ใบหน้าด้านข้างของแมคเจลเลนอาบย้อมด้วยสีส้มเพลิง ส่งเค้าโครงเข้มดุยิ่งมองยิ่งแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว “รู้เรื่องแล้วก็รีบปล่อยน้องฉันซะ เธอไม่ใช่ขนมหวานราคาถูกนึกอยากจะหยิบก็กินได้หรอกนะ ระวังจะตายเพราะปาก”
อยู่ดีดีก็โดนด่าสีจิ้นเฟยอารมณ์เสียเล็กน้อย ดูเหมือนดราม่าครอบครัว “ช่วยให้เกียรติกันด้วยครับ อีกอย่างน้องสาวคุณมาที่นี่ด้วยความสมัครใจไม่ใช่การบังคับ”
“พี่แมค!! ไม่ยุ่งเรื่องมิลลี่สักเรื่องจะได้ไหม ทุกวันนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรอว่าทำไมมิลลี่ถึงพาตัวเองออกมาน่ะ!!” ก็เพราะความจุ้นจนเหมือนพ่อคนที่สองของพี่ยังไงเล่า!! หญิงสาวเดือดจนหัวร้อน ดึงมือออกจากการเกาะกุมแล้วเตรียมหาทางหนีทีไล่ต่อให้อีกฝ่ายตามเธอเพราะความหว่งใย มันก็ควรมีขอบเขตกันบ้าง!!
“คุณมิเคล่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นครับถ้าเธอไม่ต้องการ…” สีจิ้นเฟยยืนข้างเธออย่างเห็นได้ชัด
“งั้นหรอ ฉันเป็นพี่มีสิทธิ์ดูแลน้องตัวเอง แล้วนายล่ะเป็นอะไรกับเธอไม่ทราบถึงยุ่งเรื่องคนอื่น??”
“ผมเป็นแฟนมิลลี่ เรากำลังคบหาดูใจกันอยู่ดังนั้นผมมีสิทธิ์จะดูแลเธอเช่นกัน” ได้ยินคำนี้แล้วร่างบางมึนตึบไป พวกเธอตกลงคบกันตอนไหนทำไมไม่เห็นเคยได้ยินเลยล่ะ? เอียงคอมองเขาว่า ‘Are you seriously?’ เห็นรอยยิ้มจากคนข้างกาย ความเขินเล่นขึ้นสมองแปลกนะรู้สึกใจชื่นขึ้นมาหน่อย
“หึ แต่ฉันได้ยินมาอีกแบบ!! มิลลี่อย่าไปฟังสีจิ้นเฟยคนนี้เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าลองเรียกคนรู้จักเขามาถามก็จะรู้เอง” คิดว่าเป็นเพลย์บอยสับรางเก่งแค่ฝ่ายเดียวรึไง ผีย่อมเห็นผี เขาไม่ยอมให้ตัวอันตรายมาเกาะแกะน้องสาวสุดรักหรอกนะ
คิดแล้วก็ถูก อีกฝ่ายแทบไม่เคยปฎิเสธใครเลยด้วยซ้ำจากความสุขเมื่อครู่เหมือนโดนน้ำเย็นสาดกลางฤดูหนาว หันขวับไปถาม “ที่พี่ฉันพูดนั่นคือเรื่องจริงหรอคะ?”
“เธอไม่ใช่คนโง่คิดดูให้ดีสิว่าเขาเข้าหาเพราะอะไร? ถ้าไม่ใช่เบื้องหลังของน้องคือแมฟเวอร์ลินช์ เขาจะยังทำตัวเป็นอัศวินผู้ปกป้องออกหน้าแทนน้องอยู่อีกหรอ” แต่ละประโยคยิ่งเสียดแทง โจมตีภาพลักษณ์ในใจสั่นคลอน เธอระแวงคนง่ายอยู่แล้วไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์กับชายหนุ่มที่ยังใหม่และเปราะบาง
“...มิลลี่ เรื่องนั้นมันอดีตจบไปแล้วตอนนี้ผมจริงจังกับคุณนะ?” รีบคว้ามือบางเอาไว้กันความเข้าใจผิด แต่น่าเสียดายท่าทีเขาดูร้อนรนเกินไปหน่อยจึงถูกหญิงสาวมองว่าร้อนตัว!!
เพี๊ยะ
สะบัดมือตบอีกฝ่ายทันทีที่เขาเข้ามาใกล้ แค่รู้สึกว่าเธอเกือบจะ..มีอะไรกับคนที่ส่ำส่อนเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยโดยเป็นแค่ ‘คนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย’ ก็รู้สึกขยะแขยง
หยาดน้ำปริ่มขอบตาแดงเรื่อเจ็บปวดใจหลงนึกว่าเขาจะต่างกับคนอื่นๆ แล้วเชียวสุดท้ายก็ทำร้ายกันได้ลงคอ “พอเลย… ที่แท้คุณกับพี่ฉันก็ไม่ต่างกัน!! เห็นความรู้สึกคนอื่นเป็นของเล่นใช่ไหม”
“มิลลี่!! พี่ไม่เหมือนเขา!! เธอก็รู้นี่ว่าเป็นเพราะ…” คว้าแขนของน้องสาวได้ก็คิดจะพาตัวกลับทันที
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ มิเคล่าเรามาคุยกันก่อนอย่าพึ่งด่วนตัดสินผมมีอีกหลายเรื่องต้องบอกคุณ” มืออีกข้างถูกดึงรั้งไว้กลายเป็นชายหนุ่มทั้งสองหันหน้าปะทะกันต่อวาจารุนแรง
“เรื่องครอบครัวคนไม่เกี่ยวข้องก็ไสหัวไป!”
“เป็นแค่พี่ชายไม่ใช่พ่อของเธอสักหน่อยปล่อยให้เธอมีอิสระในชีวิตตัวเองสิ!!”
“นายไม่รู้ก็อย่าดีแต่พูด เรื่องของมิลลี่ฉันอยู่กับเธอมาตั้งแต่เกิดคนมาทีหลังกล้าพูดว่ารู้จักเธอดีกว่ารึไง”
“เงียบ.. เงียบนะพอได้แล้ว” พึมพำเสียงอ่อนรู้สึกปวดหัวจี้ดเสียงรอบๆ ตัวและความเครียดกระตุ้นอาการไมเกรนของเธอขึ้นมา ร่างบางสลัดตัวออกลงกุมมือกับศรีษระน้ำตาไหลพรากขมับเต้นตุ้บๆ เหมือนมีคีบเหล็กมาบีบ แม้กระทั่งเธอทรุดลงดับพื้นแล้วการทุ่มเถียงยังคงไม่จบสิ้น มิเคเล่าสุดจะทนวิ่งออกไปที่ถนนด้วยความเร็วสุดฝีเท้าก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวเธอก็มาหยุดอยู่หน้ารถสีดำคุ้นตาคันหนึ่ง
กระจกข้างเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าคมคายและเชิ้ตลำลองตัวเดิมกับเมื่อตอนเย็น น้ำเสียงทุ้มสอบถามเรียบๆ ว่า “มิเคล่า? บังเอิญจริงผมผ่านมาทางนี้ไม่นึกว่าจะพบคุณ ธุระเป็นยังไงบ้างครับ”
“ฮึก… ฉัน.. ไม่รู้” เป็นคุณโอเบรอนทำไมเขาถึงปรากฎตัวมากระทันหันกันนะ? แต่เธอจวนจะไม่ไหวแล้วสิ
สภาพคนสวยที่นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันในตอนนี้โทรมจัด ขอบตาเธอแดงอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากซีดสั่นเทา ไหนจะ..ร่องรอยอะไรตามตัว มันทำให้นิคเคลาส์กำหมัดแน่น
“กำลังมีปัญหาอยู่หรือครับ?” เขาเป็นผู้ใหญใจกว้างตอนนี้ต้องสนใจคนตรงหน้าก่อน
“อยากให้ผมช่วยไหม” ถามต่อเมื่อเมื่อมิเคล่าพยักหน้าอ่อนแรง “ช่วยยังไง”
“พา.. พาฉันไปจากที่นี่!!” อีกไม่นานคุ่ที่ทะเลาะกันคงได้สติและรู้ว่าเธอหายไป ต้องออกตามหาอยู่ดี
“...ขึ้นมาสิครับ”
เธอรีบขึ้นมานั่งข้างคนขับโดยไม่ลังเลอีกตอนนี้แค่อยากไปที่ไกลๆ หาที่สงบใจและรักษาตัวเองจากอาการปวดไมเกรน.. ดีที่บนรถของคุณโอเบรอนไม่มีทั้งน้ำหอมปรับอากาศหรือเพลงหนวกหู แค่ความเงียบ...และความมืด เขาไม่ถามว่าเธออยากไปที่ไหนแค่ขับไปเรื่อยๆ และนั่นก็เป็นสิ่งที่มิเคล่ากำลังต้องการในเวลานี้ ‘ความสงบ’
“ขอบคุณมากนะคะ” มือเล็กวางดอกไม้ราตรีที่ไร้กลิ่นหอมหน้าคอนโซล กับแชมเปญต่างของขอบคุณ
“เรื่องเล็กน้อย… ไม่จำเป็นต้องนับ” หยักรอยยิ้มเรียบๆ แน่นอนเขาไม่พูดหรอกว่าได้ยินได้เห็นหมดทุกเรื่องจากวิทยุสื่อสาร ยังไงซะก็ต้องขอบคุณสองคนนั้นที่ตีกันถูกเวลาเขาได้ ‘เธอ’ คืนมาแล้ว เป็นการเดินเข้าบ่วงอย่างสมัครใจเสียด้วยสิ นั่งภูดูเสือกัดกันท้ายสุดได้ประโยชน์ภาษิตจีนนี่คลาสสิคดีจริงๆ
แชมเปญ+ดอก ปู่ @Admin
|