Take me to paradise 224 Focused on you
หิ้วนักเรียนสาวกิติมศักดิ์ออกจากรถเมอร์เซเดสคันงามหรูเข้ามินิแวนปุ๊กปิ๊กสุดวินเทจ พนันได้เลยถ้าโอเบรอนทราบเรื่องนี้คงไม่ปล่อยให้นางฟ้ายอดดวงใจของเขาไปกับหมอนี่แน่นอน
ตอนนี้หนุ่มผมทองคนที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่เบาะหน้าคือสตีฟ นัยน์ตาสีฟ้าสดมองกระจกรถโดยที่คุมพวงมาลัยมุ่งไปตามถนนเส้นหลัก “ไหนรับปากจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยง ทำแบบนี้เกิดผมมาไม่ทันผู้ชายคนนั้นคงทำสิ่งที่เขาคิดกับเธอไปแล้ว” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอดพูดความในใจออกมาด้วยความอึดอัดไม่ได้ ภาพที่เห็นตอนเจอตัวหญิงสาวคือมิเคล่ากำลังปล่อยตัวอย่างเมามายในอ้อมแขนของผู้ชายที่เธอบอกว่าไม่อยากเจอหน้า
‘เธอบอกว่าไม่ชอบเขา ทั้งพูดว่าคนๆ นั้นเคยทำร้ายน้ำใจเธอ แต่สิ่งที่เห็นนั่นทั้งคู่เกือบจะ….กันในรถ’ หาคำอธิบายไม่ได้ปลายลิ้นกลับชาหนึบอยากจะถามออกไป เพราะลึกๆ ตัวเขาเองก็กังวลในคำตอบที่ได้ยินมันจะไปตรงกับฝันร้าย
สตีฟรู้ดีว่าเขาห่วงใยเธอ… แคร์เธอมากกว่าแค่นักเรียนในปกครองคนหนึ่ง ทำได้ก็อยากจะเก็บหล่อนไว้ใกล้ๆ อยู่ในสายตาตลอดเวลาเผื่อจะโล่งอกได้บ้าง
“อื้ออ...ชีสสเต็ก!! ชีสสเต็กของหนู!!”
ที่เบาะหลังมีร่างอ่อนยวบของคนตัวเล็กยื่นมือป่ายปะหาอาหารตามกลิ่นหอมฉุยไม่เลิก สาวเจ้าเอาสติโยนทิ้งไปกับค็อกเทลแก้วที่หกแล้วไหนเลยจะมีสมาธิเหลือพอตอบคำถามชายหนุ่ม เคราะห์ดีว่าคุณหนูยังพอปรือตาขึ้นมองคนขับรถเปลี่ยนตัวเรียบร้อย ริมผีปากอิ่มชุ่มชื้นส่งยิ้มหวานให้ทั้งเมามายและเต็มไปด้วยพิษเย้ายวน “สตีฟ.. คุณมาแล้วหรอ ไม่ได้มาแย่งขนมหนูใช่ไหมม”
“รู้สึกตัวแล้วหรือ? เป็นยังไงบ้างคอแห้งหรือเปล่า ทำไมเธอถึงไปอยู่กับคนๆ นั้นได้ ถ้าหากว่าเขาล่วงเกินต้องรีบบอกผมนะ” คำถามรัวมาเป็นชุดแทบจะทันทีเมื่อเธอบิดตัวมาเอาคางเกยพนักพิงคนขับ ปอยผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มไล้เกลี่ยแก้มเขาเบาๆ
“อื้อ… หิวแล้วนะ!!” เปล่าประโยชน์จะคุยกับคนเมา
“เฮ้อ นี่ดื่มไปแค่ไหนกันนะ...” ถอนหายใจรอบที่ล้านแปดมือหนาหยิบกล่องที่เบาะหน้าส่งให้ อัลมาสทำงานไม่เคยบกพร่องชีสสเต็กโรลแบบทานง่ายมันยังคงอุ่นอยู่และส่งกลิ่นชวนทาน มอสซาเรลล่าเยิ่มๆ พร้อมเนื้อริบอายส์ชุ่มๆ เคล้าเครื่องเทศ
หลังฟังเสียงจุ้บจั้บอน่างเอร็ดอร่อยได้สักพักสตีฟคิดแล้วว่าพาหล่อนกลับสถาบันในสภาพนี้คงไม่เหมาะ เขาวนรถกลับไปแถวเซ็นทรัลซิตี้ปาร์ค บริเวณสวนสาธารณะเวลานี้มักมีร้านเครื่องดื่มสมุนไพรขาย ฟังว่าเป็นเฟรนไชน์จากเมืองจีนช่วยแก้อาการเมาค้างได้ดีนัก ใช้เวลาไม่นานเพื่อหาที่จอดเมื่อคุณเป็นมินิแวนคันเดียวในย่าน ชายหนุ่มจอดรถไม่ไกลจากฟุตบาทก่อนจะช้อนอุ้มร่วงนุ่มนิ่มที่ปรือตามองเขาแล้วยังขยันส่งยิ้มเว้าวอน
“สตีฟ.. คุณมารับหนูทำไม…” เธอรู้ว่าเขาเป็นใคร เพราะลมกลางคืนเย็นจนพัดใให้ได้สติขึ้นมาชั่วคราว น่าเสียดายมือเจ้ากรรมยกขึ้นลูบหน้าเขาทดสอบว่านี่คือความฝันรึเปล่าแปลว่ายังตื่นไม่เต็มตา
“ผมเป็นห่วงเธอเห็นดึกแล้วยังไม่กลับเลยถามไอแซคว่าเธอไปไหน… ขอล่ะ คราวหน้าถ้าจะดื่มอย่ามาคนเดียวแบบนี้อีกมันอันตราย”
นัยน์ตาสีคาราเมลกระพริบปริบเหมือนจะหูฝาดแต่ก็ไม่ กัปตันที่รู้จักเขาเคยพูดอะไรน่าฟังแบบนี้ด้วยหรือ สุภาพบุรุษรูปปั้นปากหนักคนนั้นล่ะ โดนกินไปแล้วแน่ “เฮ้อ.. พรุ่งนี้คงหิมะตกแน่ๆ งือ.. ไม่อย่างนั้นก็คุณไม่ใช่สตีฟ คุณเป็นครายย”
“...............” แค่เป็นห่วงก็ผิดหรอ? เงยหน้ามองฟ้ากัปตันอเมริกาจนด้วยคำพูด
สองแขนของมิเคล่าอยู่ไม่สุกเกาะเกี่ยวได้ส่วนไหนของเขาก็พันม้วนราวกับเถาวัลย์ พิงซบตัวอ่อนระทดระทวย ริมฝีปากเล้กๆ พึมพำไม่ได้ศัพท์เดี่ยวบ่นชื่อคนนั้นคนนี้ สตีฟเองพยายามเงี่ยหูฟังแต่ก็จนใจเพราะสุดท้ายแล้วจับไม่ได้ความเลยสักประโยค ‘ทำไมเธอปล่อยตัวขนาดนี้ ปกติก็ไม่ดื่มจัดอยู่แล้วหรือว่าจะมีเรื่องกลุ้มใจยากระบาย?’ คิดพอเพลินๆ จนเจอร้านที่ว่าก็รีบเดินไป
เพราะต้องซื้อเครื่องดื่มด้วยตัวเองอ้อมแขนแกร่งจึงประคองวางหญิงสาวบนม้านั่งจัดให้เธอลงนอนในที่เงียบสงบ เวลานั้นแสงโคมไฟทอสีนวลตาใบหน้าด้านข้างของเธอยิ่งอ่อนโยนและไร้เดียงสา แขนเล็กกอดเข้าหากันสัมผัสความเย็นจากโลหะใต้ตัวก็สั่นสะท้านครางออกมา “หนาว… อื้อ” ชั่วขณะหนึ่งสตีฟไม่สามารถละทิ้งไปได้มือหนายื่นออกไปหยิบละอองเล็กๆ ที่พันเกี่ยวจากปอยผมน้ำตาลอ่อน เขาถอดเสื้อตัวนอกออกห่มให้เธออย่างเบามือทุกการเคลื่อนไหวไม่มีสิ่งใดทนุถนอมไปกว่านี้อีกแล้ว
“อยู่ตรงนี้ก่อนนะผมจะไปเอาน้ำมาให้” ไร้เสียงตอบกลับเธอแค่คดตัวอยุ่ตรงนั้นเหมือนก้อนกลมๆ ที่น่าเอ็นดูจมูกเล็กนั้นแดงเรื่อเรียกรอยยิ้มขบขันจากผู้มอง
หลังได้น้ำสาลี่สูตรพิเศษมาแล้วคนที่เฝ้าป้อนคอยส่งเสื้อคลุมให้หญิงสาวใช้ห่มกันลม ระหว่างตัวเขานั่งดื่มกาแฟยังแถมอ้อมกอดอุ่นๆ ให้ต้านอาการหนาวสั่นก็ยังไม่พ้นชายผมบลอนด์ ที่ม้านั่งกลางสวนดอกไม้ในยามราตรีทั้งเปลี่ยวและร้างผู้คน มีเสียงลมหายใจของคู่ชายหญิงเอนพิงกันเป็นภาพที่น่ารักอย่างหาได้ยาก มิเคล่ารับน้ำหวานเข้าไปแล้วก็ยังไม่ทันเกิดสติรู้แจ้งในทันที ภาพที่เธอเห็นนั้นพร่าเลือนกลับกันเสียงที่ได้ยินก็เดี๋ยวเบาเดี๋ยวดัง
“อื้อ.. หนาวนะ…. อย่าดิ้นสิ” ที่ส่งเสียงงุ้งงิ้งราวกับลูกแมวไม่ต้องสืบว่าใคร
“ถ้าดื่มแล้วก็ทนอีกหน่อย สักพักก็สร่างเมาแล้วถ้าหลับทั้งแบบนี้อาจไม่สบายเอาได้”
จมูกเล็กๆ วนเวียนสบชิด ริมฝีปากฉ่ำเผลอไผลประกบกับอีกฝ่ายชั่วครู่ จังหวะหนึ่งผละออกมากระพริบตาปริบๆ แสดงท่าทีงุนงง ก่อนจะถูกดึงตัวเข้าไปรับจุมพิตหวานละมุนกว่าเดิม ต่างกับสตีฟผู้มีสติสัมปัชชัญญะครบถ้วนการรับรู้เธอถูกขยายชัดเจนมีแต่สัมผัสบนผิวกาย หลังจากไขว่คว้าหาความอบอุ่นที่อยู่ใกล้ชิดมากที่สุด โดยไม่เอะใจเลยว่านั่นคืออ้อมแขนของชายหนุ่มก็กอดรัดไป
“เธอเป็นแบบนี้ตลอดเวลาที่เมา รู้แล้วทำไมยังดื่มอีกล่ะ? หรือว่ามีเรื่องไม่สบายใจ บอกผมได้เสมอนะ” น้ำเสียงทุ้มอ่อนโทนเคยใช้ได้ผลทุกครั้งเวลาปลอบใจมิตรสหาย แต่หนนี้สตีฟชักไม่มั่นใจเสียเลย จุดแข็งของเขากลายเป็นจุดอ่อนทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวตรงหน้า
“เปล่าสักหน่อยก็แค่อยากดื่ม ไม่ได้หรอ? หนูโตแล้วนะ!!” มิเคล่าส่งเสียงงุ้งงิ้งของใบหน้าเล็กมุดไปมาในเสื้อคลุมเขา พักเดียวก็ถูกรับตัวมาโอบเอาไว้คอยกันไม่ให้กลิ้งตกจากที่นั่งทำตัวเองเจ็บ
“ผู้ใหญ่น่ะ.. เขาดูเลตัวเองได้ไม่ทำให้คนเป็นห่วงแบบนี้หรอกนะ”
“อื้อ!! หนูดูแลตัวเองได้ คุณนั่นล่ะมายุ่งไม่เข้าเรื่อง!!” เถียงคำไม่ตกฟากนี่ถนัดนัก
“แต่จากที่ผมเห็นคืนนี้มันไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด” ช้อนใบหน้าเธอออกมาให้ประสานสายตากับเขา ก่อนสตีฟจะขมวดคิ้วอบรมลูกศิษย์สาวอีกหนึ่งหน “มิลลี่ฟังนะ.. โลกนี้มีผู้ชายอยู่สองแบบ ทั้งคนที่เหมือนกับคุณพ่อและพี่ชายที่คอยห่วงใยทนุถนอมเธอ กับอีกจำพวกที่..อยากจะทำเรื่องบ้าๆ กับเธอโดยไม่สนว่าจะเป็นใครมาจากไหน”
“ทำไมล่ะพวกนั้นกล้าก็เข้ามาสิ!! ไม่ใช่กระสอบทรายนะจะได้ถูกรุมรังแกเป็นอย่างเดียว...หนูไม่กลัว อื้อ!!” ความพยายามมิเคล่าที่จะดิ้นให้คางหลุดจากมือหนาๆ ของเขาแต่ไร้ผลอีกทั้งสองแขนยังถูกตรึงเอาไว้แน่นกว่าเดิม บ้าจริง! ลืมไปได้ยังไงว่าคนตรงหน้าคือกัปตันอเมริกา ระดับซุปเปอร์ฮีโร่ที่ฟาดกับเอเลี่ยนมาแล้วกระดูกมันคนละเบอร์
“อยากให้เข้าใจว่าอันตรายนั้นมีอยู่รอบตัวโดยเฉพาะกับคนที่มีสถานะพิเศษอย่างเธอ คืนนี้ผมอาจโชคดีที่มาทัน แต่หากวันไหนที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยร้ายแรงกว่านี้ กระทันหันกว่านี้.. มิลลี่ ถึงอยากจะปกป้องมากแค่ไหนแต่ผมอาจไม่ได้อยู่ข้างในเวลาที่เธอต้องการ”
คำพูดที่ซื่อตรงทรางจริงใจออกมาจากปากของเขา ‘สตีฟ โรเจอร์’ ชายผู้มีภาระบนบ่าเป็นความปลอดภัยของทุกคนไม่ใช่แค่เพียงเธอคนเดียว ถึงแม้ใครจะมองว่าน่าสรรเสริญแต่ความเป็นจริงกับน่าเศร้า ต่อให้เขาจากไประหว่างภารกิจกอบกู้โลกอย่างมากในโลงศพอาจจะมีเหรียญกล้าหาญและบทสดุดีไม่กี่คำ ส่วนคนที่เขาอยากปกป้องจากใจจริงๆ นั้น อาจไม่เคยได้สัมผัสมันเลยก็เป็นได้
เวลานี้สตีฟอยากให้เธอรู้ว่า ‘ความปลอดภัย’ ของเธอมีความหมายกับเขามากจริงๆ
ดวงตาคู่หวานตวัดกลับไปตรงๆ อย่างไม่ยอมแพ้ด้วยความสะกดกลั้นที่ผ่านมา กำแพงที่เธอก่อเอาไว้จนสูงเป็นเขตแดนกั้นระหว่างความสัมพันธ์ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายนึกจะกระดดดข้ามมาก้ทำกันได้ง่ายๆ จะมาร้องขออะไรในเมื่อเขาทำทุกอย่างพังเอง “แล้วแบบคุณจัดอยู่ประเภทไหนล่ะคะ สตีฟ” “ยังต้องถามอีกหรอ?” สตีฟหยักรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของเขาจากนั้นปลดพันธนาการให้หญิงสาวในที่สุด แต่นั่นก็เพื่อจะได้ใช้สองแขนให้ควบอบอุ่นแก่อีกฝ่ายได้มากกว่าเดิม “ผมไม่มีทางทำร้ายเธอ ไม่ว่าตอนนี้ วันไหน หรือว่าเมื่อไรก็ตาม หากมีคนกล้ารังแกเธอหมอนั่นจะต้องเจอดีจากผมแน่”
“...งั้นคุณอัดตัวเองก่อนได้เลยหนึ่งหมัด” มิเคล่าเลิกคิ้วร้องเฮอะ คิดสิว่าตอนนั้นใครกันที่มาเล่นกับความรู้สึกของเธอ!! ไอ้คนชั่ว!!
ดอกกาแฟ - แคป
|