เซเรน่าเดินเข้ามายังโรงอาหารของค่าย ก่อนจะกวาดตามองหาที่นั่งว่างๆสักที่แล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งทันที มือข้างยกขึ้นมาเท้าคางกับโต๊ะก่อนที่เธอจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ
นี่ก็ผ่านมาวันนึงแล้วหลังจากที่ไอผู้ชายบ้ากามนั่นสั่งให้เธอหอมแก้มเด็กใหม่ซึ่งเป็นบุตรแห่งเมอร์คิวรี่ แต่อย่างน้อยก็นับว่าดีกว่าสั่งให้เธอไปจูบปากเหมือนสองคนก่อนหน้า
หึ่ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดไม่น่าหลวมตัวไปเล่นเดิมพันด้วยเลยบ้าจริง ท่านเทพีวีคาโพต้า มาเอาดีเอ็นเอความอยากเอาชนะของท่านกลับไปด่วนเลยค่ะ!
เซเรน่าหยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนหน้าจออย่างเซ็งก่อนจะสะดุดเข้ากับชื่อๆหนึ่ง แมกนัส บุตรแห่งเมอร์คิวรี่ หรือก็คือเด็กใหม่ที่เธอต้องไปหลอกกินเต้าหู้ตามคำสั่งไอหัวรากไทร… นี่ก็คนในกองร้อยอีกแล้ว ให้ตายเถอะ
เด็กสาวเดาะลิ้นเล่นอย่างลังเลก่อนจะถอนหายใจแล้วส่งข้อความแชทไปหาอีกฝ่าย เป็นไงก็เป็นกันรีบทำภารกิจให้จบๆเธอจะได้หลุดพ้นพันธะสัญญาอะไรนั่นเสียที
Serena_Mav: สวัสดีค่ะคุณแมกนัส ฉันเซเรน่านะคะหวังว่าคุณจะจำได้เราอยู่กองร้อยเดียวกัน
แม็กนัสที่กำลังจะเตรียมตัวออกมาที่โรงอาหาร สะดุดเข้ากับข้อความในมือถือที่จู่ๆก็เด้งขึ้นมา เขาจึงหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะของตัวเอง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะรีบตอบกลับไป
Magnus : อ่า..ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าทางนั้นเป็นใครหรอ?
ด้วยความที่เขาไม่ได้สนใจคนอื่นเท่าไหร่นัก ทำให้ตนนึกไม่ออกว่าคนที่กำลังคุยอยู่ด้วยนั้นเป็นใครกันแน่ แต่เห็นว่าอยู่กองร้อยเดียวกัน คงไม่ใช่มิจฉาชีพหรอกมั้ง…
‘คร่อก..’
เสียงท้องของแม็กนัสร้องประท้วงขึ้นมาหลังจากคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เพราะตอนนี้ก็เลยเวลากินข้าวของเขามาแล้วซักพัก
เขาจับมือถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง มุ่งตรงไปทางโรงอาหารของค่ายเพื่อหาอะไรกินให้ตกถึงท้อง แต่ตาก็คอยมองที่มือถือไปด้วย เผื่อว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา
เซเรน่ามองข้อความที่อีกฝ่ายตอบกลับมาก่อนจะพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัวใหม่อีกครั้ง ดูท่าอีกฝ่ายจะจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อของเธอ ถ้าเจอตัวจริงเธอคงต้องบอกอีกฝ่ายให้ไปดูบอร์ดประจำกองร้อยที่แปะหน้าตาสมาชิกซะเด่นหราเสียแล้ว พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็เซ็ง เซนจูเรี่ยนช่วยแต่งรูปเธอให้มันดูผอมกว่านี้ก่อนจะเอาไปแปะบอร์ดไม่ได้หรือไง…
Serena_Mav: เซเรน่า เซน เเมฟเวอร์ลินซ์ค่ะ อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเราอยู่กองร้อยเดียวกัน
Serena_Mav: ฉันอยากทำความรู้จักคนในกองร้อยเดียวกันน่ะค่ะเลยทักคุณมา ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงอาหารน่ะค่ะสนใจมานั่งทานข้าวด้วยกันไหมคะ ถือว่าเป็นการสานสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมกองร้อยเนอะ
‘เซเรน่า เซน เเมฟเวอร์ลินซ์..ใครอะ?’
‘แต่ก็อยู่โรงอาหารพอดีนี่นะ ไปหาซักหน่อยคงไม่เสียหาย....’
Magnus : อา..อยู่โรงอาหารสินะครับ ผมกำลังจะไปพอดี รอสักครู่นะ
หลังจากที่ตอบอีกฝ่ายไปแบบนั้น แม็กนัสก็เก็บมือถือเข้ากระเป๋าตัวเอง ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปยังโรงอาหารด้วยท่าที..ปกติ เพราะเขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรมากนัก
….
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เขาก็พาตัวเองมถึงโรงอาหารประจำค่าย ซึ่งดูใหญ่และโอ่อ่ามาก ดูเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะกับคนอย่างเขาเลยซักนิด…
แม็กนัสสาวเท้าเดินเข้าไปยังโรงอาหาร แต่กลับลืมไปว่าตนไม่ได้ถามเซเรน่าไว้ก่อนหน้านี้ว่าอีกฝ่ายนั้นนั่งอยู่ส่วนไหน เขาจึงตัดสินใจเดินต่อเพื่อตามหาอีกฝ่าย
และด้วยความที่เขาเองยังจำหน้าของอีกฝ่ายได้ไม่แม่นนัก จึงได้แต่เดิมไปสุ่มๆว่าจะเจออีกฝ่ายอยู่ที่ตรงไหน จนในที่สุดก็มาถึงที่โต๊ะตัวหนึ่ง ซึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งทำหน้าเซ็งอยู่กับมือถือของตัวเอง
“อ่า..ขอโทษนะครับ พอจะรู้จักผู้หญิงที่ชื่อเซเรน่ารึเปล่า ผมหาเธอไม่เจอน่ะ..” เขาเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปตรงๆ โดยที่ยังไม่คิดจะหยิบมือถือขึ้นมาดู แถมยังไม่เอะใจถึงหน้าตาคนตรงหน้าอีกต่างหาก
เซเรน่าเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์เพื่อมองชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเหลืองอำพันซึ่งเอ่ยชื่อของเธอออกมา ก่อนที่ใบหน้าเบื่อหน่ายเมื่อสักครู่จะค่อยเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมาอย่างสุภาพ “รู้จักค่ะ อืม.. ถ้าจะให้บอกลักษณะก็ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มแล้วก็มีหน้าม้าด้วยค่ะ ผิวขาว แล้วก็ส่วนสูงก็น่าจะพอๆกับคุณเลยด้วย หน้าตาก็ค่อนข้างน่ารักเลยล่ะค่ะ คุณน่าจะหาเธอเจอได้ไม่ยาก”
แน่นอนว่าที่บรรยายมาก็ตรงกับตัวเธอแบบเป๊ะๆ อยากจะรู้แล้วสิว่าอีกฝ่ายจะตามที่เธอแกล้งหยอกทันหรือเปล่า
“อา..ขอบคุณมากครับ”
เมื่อเขาได้คำตอบมาจากอีกฝ่าย สองเท้าก็รีบก้าวจ้ำออกไปจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว
‘ผมยาวสีน้ำตาล หน้าม้า ผิวขา..ว’
เขาทวนคำพูดของอีกคนไปได้ซักพักก็ชะงักกึกหยุดเดินกลางทางขึ้นมา ก่อนจะรีบหันตัวเดินกลับไปทางเดินอย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับมาถึงที่โต๊ะเมื่อสักครู่ เขาก็นั่งลงด้านตรงข้ามอีกฝ่าย ใบหน้ามีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
เขาหลบสายตาลงไปมองที่โต๊ะ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเมื่อครู่
“คุณ..เซเรน่าสินะครับ….”
“ขอโทษด้วยที่ผมไม่ทันสังเกต…”
“รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดนะคะเนี่ย” เด็กสาวมองท่าทางที่ดูเขินอายของอีกฝ่ายพลางหัวเราะออกมาแผ่วเบา “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะคุณแมกนัส ฉันต่างหากที่ควรขอโทษเพราะฉันเป็นคนแกล้งคุณ คิก”
ให้ตายเถอะเซเรน่า เธอจะมาหัวเราะหลังจากขอโทษแบบนี้ไม่ได้นะ…
“ขอแนะนำตัวอีกครั้งแล้วกันนะคะ เซเรน่า บุตรแห่งเทพีวีคา โพต้าค่ะ” เซเรน่าเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรพลางลอบมองท่าทีของอีกฝ่าย “มื้อนี้คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงถือซะว่าเป็นการขอโทษเรื่องเมื่อกี้”
แล้วก็เรื่องที่จะเกิดต่อจากนี้ด้วย…..
“อ่า..ผมแม็กนัส บุตรแห่งเมอร์คิวรี่ครับ”
“ว่าแต่...ให้คนที่ไม่รู้จักเลี้ยงตั้งแต่มื้อแรกแบนี้จะดีหรอครับ ผมเกรง...ใจ”
หลังจากเขาแนะนำตัวเองเสร็จ เขาก็พูดบอกอีกฝ่ายต่อทันที เพราะเขาคิดจริงๆว่าให้คนอื่นเลี้ยงข้าวมันดูเสียมารยาทไปหน่อย หรืออาจจะเพราะเขาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากนัก จึงคิดว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ?
“เป็นการเลี้ยงขอโทษค่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก อืม… หรือจะนับว่านี่เป็นโอกาสพิเศษก็ได้นะคะเนื่องในโอกาสที่เราได้ทำความรู้จักคุยกันครั้งแรก” เซเรน่าพูดอย่างลื่นไหลด้วยน้ำเสียงชวนฟังก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันไปทางแมกนัส
“เราไปสั่งอาหารกันเถอะค่ะ แน่นอนว่าห้ามปฏิเสธ” เด็กยกนิ้วชี้ทั้งสองมาไขว้กันเป็นกากบาทแล้วยิ้มออกมาก่อนจะเริ่มเดินนำอีกฝ่ายไปยังจุดสั่งอาหารทันที “แล้วก็ถ้าคุณเกรงใจไว้หาโอกาสเลี้ยงฉันคืนครั้งหน้าก็ได้นะ”
“ชิ..เอางั้นก็ได้ครับ”
เขาเดินตามอีกฝ่ายไปด้วยท่าทีไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ที่อีกฝ่ายบังคับจะเลี้ยงตนให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏฺิเสธอะไร แต่ในใจก็คิดไว้แล้วว่าต้องเลี้ยงคืนอย่างแน่นอน
เมื่อเดินมาถึงจุดสั่งอาหาร แม็กนัสที่ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านบ่อยนัก ทำให้เมนูอาหารที่เขาจำได้ในหัวนั้นน้อยยิ่งกว่าจำนวนสถานที่ที่เคยไปเสียอีก
“อ่า...สเต็กเนื้อกับมันบดครับ”
เขาพูดเมนูที่พอคิดออกให้กับพนักงานที่อยู่ตรงหน้าเขา ก่อนจะหันกลับมาหาเซเรน่า
“แล้ว..คุณเซเรน่าทานอะไรหรอครับ?”
“ของเราสเต็กปลาแล้วกันค่ะ” เซเรน่าหันไปเอ่ยพูดกับแม่ครัวออกมาอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด ก่อนจะหันกลับมามองแมกนัสเมื่อเห็นว่าแม่ครัวพยักหน้ารับทราบแล้วเดินหายเข้าไปยังด้านหลังแล้ว จะชวนคุยอะไรระหว่างรอดีนะ
“คุณแมกนัสชอบกินสเต็กหรอคะ” เป็นคำถามเบสิคที่ดูพยายามยังไงก็ไม่รู้แฮะ แต่ก็คงดีกว่ายืนรอเงียบล่ะนะ
“อ่า..ตอนอยู่บ้านผมไม่ค่อยสนใจเวลาที่มีคนเอาอาหารมาเสิร์ฟผมไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่...ที่จำได้ก็มีแค่สเต็กนี่ล่ะครับ”
เขาเลือกจะตอบอีกฝ่ายออกไปตามจริง เพราะไม่รู้ว่าต้องโกหกไปเพื่ออะไร
“อ้อ ที่ไม่ใส่ใจน่ะไม่ใช่ไม่ทานนะครับ แต่ผมอ่านหนังสือเยอะจนไม่มีเวลาดูเรื่องอื่นน่ะ”
แม็กนัสพูดเสริมออกไปทันทีหลังจากที่พูดประโยคแรกจบ ด้วยความที่ไม่ค่อยมีเพื่อนคุยด้วย จึงเผลอพูดรายละเอียดเล็กๆออกไปตามที่คิด
“อืม..แบบนี้นี่เอง” เด็กสาวพยักหน้าหลังจากฟังคำอธิบายของแมกนัส แอบคล้ายเธออยู่เหมือนกันนะเนี่ย
“ฉันก็ไม่ค่อยจะสันทัดพวกชื่ออาหารเหมือนกันค่ะ บางเมนูที่ฉันเคยทานบางครั้งชื่อก็ยาวกว่าชื่อจริงของฉันเสียอีก” เด็กสาวหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเล่าต่อ “ที่พอจะจำได้บ้างก็มีพวกพื้นๆอย่างสเต็กเหมือนกันค่ะ”
“อาหารที่พวกเธอสั่งได้แล้ว” เสียงเรียบๆ ของหญิงสาวผมทองเอ่ยขึ้นขัดจังหวะการพูดของเซเรน่าพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารในจานที่เริ่มลอยมากระทบจมูกชวนให้รู้สึกอยากลิ้มลองทันทีเพียงแค่ได้กลิ่น
“ของฉันแล้วก็ของคุณผู้ชายคนนี้คิดเงินรวมกันได้เลยนะคะ” เซเรน่าเอ่ยพร้อมกับเตรียมล้วงกระเป๋าเงินออกมาจ่ายก่อนที่แมกนัสจะหาเรื่องมาพูดปฏิเสธการเลี้ยงอาหารของเธอในครั้งนี้อีก
"อาหารที่นี่ฟรี… " แม่ครัวสาวพูดออกมาเพียงสั้นๆ แล้ววางจานอาหารไว้ที่เบื้องหน้าของเซเรน่าและแมกนัสก่อนจะเดินจากไป พร้อมกับใบหน้าของเซเรน่าที่เริ่มมีรอยร้าว…
อุตส่าห์เสนอตัวเลี้ยงเสียดิบดีกลายเป็นว่าโรงอาหารกินฟรีเฉย---
เซเรน่าก้มเก็บเศษหน้าในใจก่อนจะหันไปฝืนยิ้มแห้งให้แมกนัส
"เหมือนจะไม่ต้องเสียเงิน.. ดีจังเนอะ ฮะฮะ" เด็กสาวหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะถือจานสเต็กปลาของตัวเองเดินนำกลับไปตั้งหลักที่โต๊ะก่อนทันที
“คิก...โดนเข้าแล้วล่ะครับคุณเซเรน่า”
แม็กนัสหลุดขำพร้อมเผยรอยย้มจางๆออกมา เมื่ออีกฝ่ายถูกแม่ครัวคนนั้นพูดหักหน้าเสียจนเธอเสียอาการ
“ความผิดพลาดเป็นของมนุษย์ครับ อย่าคิดมากเลย”
ขณะที่เดินกลับมาที่โต๊ะ เขาก็พยายามพูดให้กำลังใจอีกฝ่าย แต่ดันเป็นคำพูดที่ตนเคยอ่านในหนังสือ มันจึงฟังดูพิลึกชอบกล
เจสันที่เดินมายังโรงอาหารนั่งอยู่ภายในห้องพิเศษเฉพาะแม่ทัพมองลอดหน้าต่างออกมาเห็นเซเรน่าทำท่าเหมือนจะชักกระเป๋าเงินออกมา ก่อนอมยิ้มเล็กน้อยด้วยความขำเด็กสาว ‘ดูเหมือนเธอเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกสินะ’
‘นั่นแม็กนัสหรือเปล่านะ คงเป็นเพราะอยู่กองร้อยเดียวกันทำให้ทั้งคู่สนิทกัน’ เขามองทั้งสองที่เดินถืออาหารไปยังที่โต๊ะ
เซเรน่าไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของแม่ทัพเจสันที่ลอบมองเธอกับแมกนัส เอาจริงๆเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันห้องพิเศษอะไรนั่นอยู่ เด็กสาวถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วก่อนจะวางจานอาหารลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม
“เป็นคำปลอบใจที่ฟังดูแปลกดีนะคะ แต่ก็ขอบคุณค่ะ” เซเรน่ายิ้มออกมาอย่างจริงก่อนจะเริ่มลงมือกินอาหารเบื้องหน้าทันที
…..เวลาผ่านไปพักหนึ่ง…..
“อา..อิ่มมากครับ”
แม็กนัสวางส้อมและมีดเอาไว้ด้วยกันทางด้านหนึ่งของจาน ที่มีเนื้อและมันลดเหลืออยู่เล็กน้อย เพราะปกติตนเป็นคนทานอะไรม่เยอะอยู่แล้ว แถมที่นี่ยังให้เยอะเป็นพิเศษ
“ไม่นึกว่าเขาจะให้เยอะขนาดนั้นน่ะ”
เขายื่นมือไปหยิบทิชชู่แผ่นหนึ่งขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดบริเวณปากของตน ก่อนจะหยิบอีกแผ่นหนึ่งยื่นไปทางอีกฝ่าย
“ทิชชู่ครับ”
‘ว่าแต่ตอนทานข้าวเมื่อกี้รู้สึกขนลุกแปลกๆ ที่นี่จะมีผีรึเปล่านะ….”
“โอ๊ะ ขอบคุณนะคะคุณแมกนัสนี่เป็นสุภาพบุรุษจังนะคะ” เซเรน่ารับทิชชู่ที่แมกนัสที่อีกฝ่ายยื่นมาให้อย่างไม่ขัดน้ำใจที่อีกฝ่ายหยิบยื่นก่อนจะบรรจงเช็ดที่ริมฝีปากอย่างเชื่องช้าพลางครุ่นคิดบางอย่างในใจ…
“ฮะแฮ่ม คือว่า…” เด็กสาวกระแอ้มไอก่อนจะเงียบไปสักพักใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อนิดๆ “อันที่จริงแล้วที่ฉันชวนคุณแมกนัสมาทานข้าวด้วยกันนอกจากจะมาทำความรู้จักกันแล้ว ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องให้คุณแมกนัสช่วยน่ะค่ะ...”
“เอ่อ...จะให้ผมช่วยอะไรหรอ?”
เขาถามอีกฝ่ายออกไปด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัย และไปหน้าที่แสดงออกถึงความอยากรู้เล็กน้อย
‘ว่าแต่..ที่หน้าแดงอยู่นั่นเธอไม่สบายหรอ หรืออากาศร้อนเกินไปล่ะ?’
แม็กนัสคิดในใจขณะมองหน้าอีกฝ่ายเพื่อรอคำตอบ
“คือแบบว่าถ้าจะให้อธิบายสั้นๆก็... ฉันบังเอิญหลวมตัวไปทำพันธะสัญญาแปลกๆเข้าน่ะค่ะ” เซเรน่ากรอกตาไปมาพยายามหาคำพูดอ้อมค้อมที่จะไม่ให้อีกฝ่ายหนีเธอไปก่อนหรือจะมองหน้ากันไม่ติดหลังจากที่เธอทำอะไรอะไรต่อจากนี้ “ส่วนวิธีแก้พันธะมันก็แปลกพอกันเลยแล้วก็ต้องให้คุณแมกนัสช่วยด้วย”
“เอ่อ...คือว่าคุณแมกนัสช่วยยิ่นหน้ามาใกล้ๆได้หรือเปล่าคะ ที่ฉันจะพูดต่อจากนี้มันค่อนข้างจะเป็นความลับอยู่นิดหน่อย” เซเรน่าทำท่าทางจริงจังเพื่อหลอกล่ออีกฝ่าย ขอโทษล่วงหน้านะคะคุณแมกนัสมันจำเป็น…
“ครับ…”
แม็กนัสมีลางสังหรณ์ทะแม่งๆผุดขึ้นมาในหัวว่ามีอะไรไม่ปกติ แต่ตนคิดว่าน่าจะเพราะไม่ค่อยชอบเข้าใกล้คนอื่นเท่าไหร่นัก เลยทำให้ตนรู้สึกแบบนั้น
เขาขยับตัว ยื่นหน้าออกไปหาอีกฝ่าย หูเอียงเข้าทางอีกฝ่ายเล็กน้อย
“เรื่องอะไรหรอครับ..ที่จะบอกผมน่ะ”
“....” เซเรน่านิ่งเงียบมองแมกนัสที่ยื่นหน้ามาหาเธออย่างง่ายดายอย่างรู้สึกผิดแปลกๆ อยู่นิดหน่อย ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเเล้วยื่นหน้าไปแตะริมฝีปากกับแก้มขาวของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาแล้วผละออกมาอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของเธอเรียบนิ่งแต่ถ้าสังเกตจะเห็นริ้วแดงจางๆบนแก้มของเธอ
“....?!”
แม็กนัสเบิกตาโพลง เขานิ่งงันอยู่แบบนั้นด้วยความตกใจสุดขีด เพราะไม่นึกว่าจู่ๆจะถูกคนที่พึ่งรู้จักกันหอมแก้มเข้า
“อ..อะไรกันครับคุณซ..เซเรน่า”
แม็กนัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าเริ่มปรากฏสีแดงจางๆ ซึ่งเปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พลันเขาขยับร่างกายถอยออกห่างจากอีกฝ่ายทีละนิด จนที่สุดก็เหมือนเขากลับไปนั่งที่เดิม
...แต่เหมือนจะห่างออกไปนิดหน่อยแฮะ
“หอมแก้มคุณแมกนัส คือเงื่อนไขในการปลดพันธะค่ะ…” เซเรน่ามองท่าทางที่ดูเหมือนจะสติแตกของอีกฝ่าย “ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนนะคะ ฉันกลัวคุณจะไม่ยอมน่ะ”
เด็กสาวยกมือขึ้นเท้าคาง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ถ้าคุณแมกนัสอยากให้ฉันชดเชยเรื่องที่..หลอกกินเต้าหู้คุณเมื่อสักครู่ก็บอกได้เลยนะคะ หรือถ้าจะเอาค่าเสียหายเป็นเงินฉันก็โอเคค่ะ”
“อ..อ่า เอ่อ….”
“ม..ไม่ต้องหรอกครับคุณเซเรน่า ผม..ผมพอจะเข้าใจ”
ถึงเขาจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่อีกฝ่ายทำอย่างนั้น แต่ตามที่อีกฝ่ายบอกมา คงจะจำเป็นต้องทำจริงๆ…
“เอา...เอาเป็นว่า ไว้เลี้ยงข้าวผมแทนก็ได้”
แม็กนัสเลือกพูดทางเลือกที่คิดว่าดีที่สุดออกไป ด้วยท่าทีที่ดูสงบลงเล็กน้อย
บางทีเซเรน่าก็คิดนะว่าเธอควรจะเป็นฝ่ายเขินมากกว่าอีกฝ่าย แต่พอเห็นท่าทางเขินหายของแมกนัสก็ดันให้เธอรู้สึกอารมณ์ดีบวกอยากแกล้งอีกฝ่ายขึ้นมาเสียอย่างนั้น อารมณ์เหมือนแกล้งเด็กเลยแฮะ แต่เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะตัวโตเลยทีเดียว
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ” เซเรน่ายิ้มตาหยีที่เมื่อรู้สึกว่าเรื่องที่เธอกังวลจะผ่านไปได้ด้วยดี “คุณแมกนัสสะดวกเวลาไหนก็ส่งข้อความมานัดฉันได้ทุกเมื่อเลยนะคะฉันว่างเสมอ อยู่ที่ค่ายก็ไม่ค่อยจะมีอะไรทำอยู่แล้วนอกจากฝึก เดินเล่น ”
แล้วก็ก่อกวนเวลาทำงานของแม่ทัพ---
“..ได้ครับ ไว้..ไว้ผมจะติดต่อไป”
เขาพูดตอบรับอีกฝ่าย ก่อนจะเก็บของตน(ซึ่งไม่มีอะไรอยู่แล้ว…)เข้ากระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมกับถาดอาหารในมือ
“แล้วเจอกันครับ..!”
แม็กนัสพูดลาอีกฝ่าย โดยที่ไม่ได้รอคำตอบ เขาก็รีบเผ่นแน่บออกไปจากตรงนั้นทันที เพื่อที่จะนำถาดอาหารของคนไปเก็บ และเพื่อหลบจากอีกฝ่าย ก่อนเขาจะตัวแตกไปมากกว่านั้น
“แล้วเจอกันค่ะ” เซเรน่าโบกมือลาไล่หลังของแมกนัสที่เดินจากไปด้วยท่าทางที่ดูตื่นๆ เป็นผู้ชายที่ดูน่าจะแกล้งสนุกไม่ใช่เล่น แต่เธอนี่ก็กล้าเกินไปจริงๆที่มาขโมยหอมแก้มผู้ชายกลางโรงอาหาร นี่เรากลายเป็นผู้หญิงไร้ยางอายหรอเนี่ย เฮ้อ…
เด็กสาวถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยกจานของตัวเองไปเก็บบ้าง เธอก็ควรกลับแล้วเช่นกัน ว่าแต่รู้สึกแปลกๆมาได้สักพักแล้วเหมือนกับมีใครกำลังจ้องอยู่ ขนลุกชะมัด รีบกลับดีกว่า
เจสันมองลอดหน้าต่างกระจก โชคดีที่ห้องทานอาหารนี้เป็นกระจกด้านเดียว เขาสามารถมองดูภายนอกได้ สังเกตการณ์ชาวค่ายภายในโรงอาหาร อมยิ้มเด็กสาว ดูเหมือนเธอช่างกล้าจริงๆ เขาก็รู้สึกแล้วว่ามันแปลกๆ ที่แท้เจ้าตัวมีเจตนาเช่นนี้นี่เอง ก่อนจะหยิบแก้วคาปูชิโน่ขึ้นมาดูดต่อจนหมด
@Admin
สเตตัส
Technology 10
|